นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้ าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้ านประกันชีวิตและสุขภาพอย่ างครบวงจร ที่สามารถตอบโจทย์ความต้ องการของผู้บริโภคได้อย่างเข้ าใจและเข้าถึง พร้อมต่อยอดโปรแกรม “Healthy is a Trend”อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในมิติของการคุ้มครอง ป้องกัน และการสร้างความมั่นคงให้ชีวิต (Protection) ทาง Fuchsia Innovation Centre ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “เบาหวานเบทเทอร์แคร์ (Bao Wan BetterCare)” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นจากความต้ องการของผู้บริโภคเป็นหลัก พร้อมจับมือพันธมิตรด้านสุ ขภาพตอบโจทย์ความต้องการได้อย่ างครบถ้วน และนับเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่เกิ ดขึ้นในธุรกิจประกันชีวิต ภายใต้ Insurance Regulatory Sandbox ของสำนักงานคณะกรรมการกำกั บและส่งเสริมการประกอบธุรกิ จประกันภัย (คปภ.) ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะสร้างนวั ตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาระบบประกันภั ยในประเทศไทยให้พั ฒนาและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดียิ่ งขึ้น “ในปัจจุบันประกันสุขภาพส่ วนใหญ่ไม่สามารถรับคุ้มครองผู้ ที่เกิดอาการเจ็บป่วยแล้วเนื่ องจากความเสี่ยงที่สูงเกินไปแต่ ผู้ป่วยเหล่านี้มีความต้ องการความคุ้มครองเพื่อช่วยเรื่ องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ เกิดขึ้น เมืองไทยประกันชีวิตเล็งเห็ นความต้องการของคนจำนวนมากนี้ ประกอบกับเทคโนโลยีในด้าน Healt hcare ที่พัฒนาขึ้ นมากมายสามารถช่วยผู้ป่วยโรคเรื้ อรังบางโรคให้มี ความสามารถในการดูแลตนเองติ ดตามผลและในหลายๆ โรคสามารถปรับเปลี่ยนพฤติ กรรมเพื่อให้สุขภาพดีขึ้นได้” นายสาระ กล่าว ทั้งนี้ “เบาหวานเบทเทอร์แคร์” เป็นแบบประกันภัยสำหรับผู้เป็ นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โดยเฉพาะ ขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์www.mtlBetterCare.com โดยความคุ้มครองครอบคลุมทั้ งกรณีเจ็บป่วยและเสียชีวิต มีจุดเด่นอยู่ 3 ประการ ประกอบด้วย 1.การให้สิทธิผู้เอาประกันภั ยสามารถควบคุมค่าเบี้ ยของตนเองได้ โดยจะใช้ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C) ของตนเองเป็นตัวตั้ง กล่าวคือหากระดับน้ำ ตาลสะสมในเลือด (HbA1C)ของผู้เอาประกันภัยลดลง เบี้ยประกันก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งส่วนลดที่ได้รับสามารถลงได้ มากกว่า 40%โดยที่ความคุ้มครองคงเดิม การปรับเบี้ยนี้จะเกิดขึ้นทุกๆ 6 เดือนเมื่อผู้เอาประกันภัยส่ งผลระดับน้ำตาลสะสมในเลือด HbA1C ใหม่ผ่านช่องทาง Online และสามารถทราบและชำระเบี้ยในอั ตราใหม่ได้ทันที 2. ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้ มครองที่เกี่ยวข้องกับโรคแทรกซ้ อนที่เกิดจากโรคเบาหวานทั้ งระยะแรก (กลุ่มที่ 2) และระยะรุนแรง (กลุ่มที่ 1) รวมถึงยังได้สิทธิในการเบิกค่ าใช้จ่ายสำหรับผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) จากการเจ็บป่วยทั้งที่เกี่ยวข้ องและไม่เกี่ยวข้องกั บโรคเบาหวานก็ได้ และการเปลี่ยนถ่ ายไตและการฟอกไตจากโรคเบาหวาน และ 3. ผู้เอาประกันภัยยังสามารถดาวน์ โหลดแอปพลิเคชันบนมือถือที่ถู กพัฒนามาเพื่อการดูแลและช่วยปรั บเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เป็ นโรคเบาหวาน โดยผู้ใช้งานสามารถติดต่อ (Chat) กับนักโภชนาการได้ไม่จำกัดครั้ง สามารถสอบถามเพื่อรั บคำแนะนำในการปฏิบัติตนได้อย่ างถูกต้องทั้งการรับประทานอาหาร และการออกกำลั งกายตลอดระยะเวลาเอาประกั นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยเกณฑ์ของผู้ที่เอาประกัน คือต้องเป็นผู้ถูกวินิจฉัยว่ าเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 มาไม่เกิน 15 ปี มีอายุระหว่าง 21-70 ปี มีระดับนำตาลสะสมหรือ HbA1c ไม่เกิน 10 ไม่ใช้อินซูลิน (Insulin) และไม่เคยมีโรคแทรกซ้ อนจากเบาหวานมาก่อน โดยที่ระยะเวลาเอาประกันภัย 2 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 2 ปี โดยชำระเบี้ยประกันภัยราย 6 เดือน และเบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้ สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุ คคลธรรมดาได้บางส่วนตามหลั กเกณฑ์ของกรมสรรพากรอีกด้วย นอกจากนี้เพื่อการตอบโจทย์ และการเชื่อมต่อEcosystem Partner ที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ยังได้ผนึกกับพันธมิตรด้านสุ ขภาพ ด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทั้ง Tech และ Non Tech ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ (ซอยศูนย์วิจัย) โรงพยาบาลเทพธารินทร์ และโรงพยาบาลเวชธานี ที่จะมีการจัดสัมมนาและกิ จกรรมให้ความรู้ต่อผู้เป็ นโรคเบาหวาน รวมถึงบริษัท Prenetics ที่มาช่วยพัฒนา “MTL BetterCare” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือที่ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึ งบริการนักโภชนาการเพื่อรั บคำปรึกษาด้ านการทานอาหารและออกกำลังกายที่ เหมาะสม และบริษัท Roche Diagnostics (Thailand) ที่จะมอบชุดเครื่ องตรวจน้ำตาล Accu-Chek ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้วั ดผลได้เองที่บ้าน เพื่อนำไปใช้ประกอบคำแนะนำจากนั กโภชนาการให้แก่ผู้ที่ เข้าร่วมโครงการ รวมถึงความร่วมมือกับบริษัท Swiss Re ในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ การเปิดตัวเบาหวานเบทเทอร์แคร์ ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้ นของการที่บริษัทฯ จะนำความรู้และข้อมูลด้านสุ ขภาพ ส่วนบุคคลเพื่อนำมาคำนวณความเสี่ ยงของผู้บริโภคและตั้งราคาให้ เหมาะสมมากขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นในการให้ องค์ความรู้เพื่อหารูปแบบการรั กษาและป้องกันในโรคอื่นๆ ที่ประกันจะสามารถเข้าช่วยเหลื อให้ความคุ้มครองผู้บริโภคได้ อย่างเหมาะสม และเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างพั นธมิตรกับผู้นำด้านสุ ขภาพในสาขาต่างๆ เพื่อร่วมกันตอบโจทย์ การดูแลสุขภาพของลูกค้าให้ดีขึ้ น” นายสาระ กล่าว |
Bank & Insurance >