ไวตาบูสท์ เปิดตัวธุรกิจใหม่ บริการดูแลสุขภาพด้วยเวชศาสตร์ชะลอวัยเฉพาะบุคคลแบบส่งตรงถึงบ้าน เน้นจุดแข็ง 4 ประการคือง่าย-ปลอดภัย-สะดวก-ประหยัด ผู้บริโภคไม่ต้องเลือกยี่ห้อ/ชนิดวิตามินที่มีมากมายในท้องตลาดเอง เพราะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเลือกและจัดปริมาณให้เหมาะสมกับคน ๆ นั้นมากที่สุด ตั้งเป้ารายได้สิ้นปีแรก 10 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดอาหารเสริมและวิตามิน 1% ในอีก 5-7 ปี พร้อมแผนบุกตลาดพม่า สิงหาคมนี้
จุดเริ่มต้นของไวตาบูสท์
ทีมผู้ร่วมก่อตั้งมีโอกาสไปเรียนคอร์สบริหารธุรกิจชื่อ Future Innovative Entrepreneur (FINE) รุ่นแรกเมื่อเดือนต.ค. 2558 และไวตาบูสท์เป็นโปรเจคงานกลุ่มตอนก่อนเรียนจบ พอเรียนจบแล้วคนในกลุ่มก็เห็นตรงกันว่าธุรกิจนี้น่าจะมีโอกาสเกิดได้จริง เพราะว่าน่าจะตอบโจทย์คนที่อยากดูแลสุขภาพและต้องการทางเลือกที่ง่าย ได้ผลและปลอดภัย และน่าจะเป็นประโยชน์กับคนหมู่มากอย่างแท้จริง ทุกคนจึงร่วมลงทุนกันเริ่มต้นบริษัทนี้ตั้งแต่ศูนย์และค่อย ๆ สร้างธุรกิจจนทุกวันนี้มีพนักงานสิบกว่าคนภายในเวลาปีครึ่ง
แนวคิดของธุรกิจ
พ.ญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย สมาชิก American Board of Anti-Aging / Regenerative Medicine (ABAARM) กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบันในวงการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยยอมรับกันว่าการทานอาหารเสริมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีสุขภาพที่ดีเพราะในปัจจุบันคุณค่าทางอาหารในผักผลไม้ที่เราทานลดลงจากกระบวนการในการปรุงอาหารจนเหลือน้อยมาก และการทานอาหารให้ครบห้าหมู่ทานผักผลไม้ครบทุกสีในแต่ละวันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนยุคนี้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย พอเหนื่อยก็ไปหาของอร่อยทาน (งานสำรวจของสำนักโรคไม่ติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขก็พบว่ามีคนไทยเพียงร้อยละ 26 ที่ทานอาหารครบห้าหมู่และทานผักผลไม้เพียงพอ)
ถึงแม้จะทานครบก็อาจจะขาดวิตามินบางตัวที่มีน้อยมากในอาหารต้องได้รับจากแสงแดด เช่น วิตามิน D ซึ่งจากที่เราได้ตรวจเลือดผู้ใช้บริการมาเจ็ดเดือน เราพบว่าร้อยละ 98 ขาดวิตามินแร่ธาตุหรือมีวิตามินแร่ธาตุเกินอยู่ในระดับอันตราย ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง ที่น่าสนใจคือพบว่าร้อยละ 95 ขาดวิตามิน D หรือมีวิตามินดีไม่เพียงพอ (< 30 ug/L) เนื่องจากคนยุคนี้ชอบหลบแดดและทาครีมกันแดด ซึ่งการขาดวิตามิน D เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเป็นโรคกระดูกพรุน โรคซึมเศร้า โรคมะเร็งบางชนิดกันมากขึ้น
แม้ว่าอาหารเสริมมีประโยชน์อยู่มาก แต่โจทย์ยากที่สุดคือการทานอย่างไรให้พอดีและปลอดภัยต่อตับและไต เวชศาสตร์ชะลอวัยจึงเน้นที่การปรุงวิตามินเป็นสูตรเฉพาะบุคคลตามผลเลือดและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ขาดตัวไหนมากต้องทานมาก ขาดตัวไหนน้อยต้องทานน้อย ตัวไหนเกินต้องช่วยหาทางลด เพื่อให้ร่างกายสมดุลและป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง
ไวตาบูสท์มีทีมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและนักกำหนดอาหารที่เชี่ยวชาญในการใช้วิตามินช่วยดูแลสุขภาพ โดยเราให้บริการปรุงวิตามินสูตรเฉพาะบุคคล (Personalized vitamin) ซึ่งปรุงจากวัตถุดิบอาหารเสริมนำเข้าพรีเมี่ยมกว่า 100 ชนิด ซึ่งแต่ละคนจะได้รับชนิดและปริมาณ (dosage) วิตามินแตกต่างกันตามอายุ เพศ น้ำหนัก, เป้าหมายด้านสุขภาพ, ระดับวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด, ไลฟ์สไตล์, ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ บุหรี่ ความเครียด เพื่อให้เหมาะกับร่างกายคน ๆ นั้นมากที่สุด
ความจริงแล้ววิตามินปรุงเฉพาะบุคคลไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย มีการให้บริการนี้ในโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วและได้ผลลัพธ์ดีมากต่อผู้ใช้บริการ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องราคาที่สูงมาก ค่าวิตามินเดือนละหลัก 15,000 – 30,000 บาทต่อเดือนจึงทำให้ผู้ใช้บริการจำกัดอยู่ในระดับกลุ่ม A และ B+ และยังไม่ได้เป็นที่แพร่หลาย แต่ไวตาบูสท์ไม่ได้ต้องการที่จะไปแย่งลูกค้ากลุ่มนั้นจากโรงพยาบาล เป้าหมายของเราคือต้องการที่จะจับตลาดกลุ่มผู้ที่ซื้อวิตามินและอาหารเสริมรับประทานเองอยู่แล้วให้มีทางเลือกที่ปลอดภัยขึ้น ได้ทานวิตามินที่มีคุณภาพดีที่สุดในราคาที่จับต้องได้
เป้าหมายสูงสุดของเราคือดูแลผู้ใช้บริการทุกคนไปตลอดชีวิตให้มีสุขภาพดีขึ้นเหมือนคนในครอบครัวของเราเอง ผู้ใช้บริการจึงสามารถวางใจได้ว่าเราใช้วัตถุดิบวิตามินที่มีคุณภาพดีที่สุดที่จะหาได้ ใช้บุคลากรที่เก่งที่สุด ใช้แล็บที่ดีที่สุด และจะไม่มีการลดคุณภาพลงเด็ดขาด เพราะผู้บริหารและพนักงานทุกคน และคนในครอบครัวก็ทานแบบเดียวกันทุกอย่าง”
รูปแบบธุรกิจ
ไวตาบูสท์มีรูปแบบธุรกิจสองรูปแบบ
ก. ลูกค้ารายบุคคล
เป็นระบบสมาชิก (subscription) สามารถสมัครรับบริการได้ตั้งแต่ 1/3/6/12 เดือน หรือจะขอใช้บริการครั้งเดียวก็ได้ โดยค่าบริการผลิตวิตามินและจัดส่งถึงบ้านจะอยู่ที่ 1,100 – 7,100 บาทต่อเดือน และมีค่าตรวจเลือดจะอยู่ที่ 4,000 - 10,000 บาทต่อครั้งซึ่งปีหนึ่งควรตรวจอย่างน้อยหนึ่งครั้งและหลังจากทานวิตามินไป 3-6 เดือนก็ควรเจาะเลือดในรายการที่มีปัญหาเพื่อติดตามผล
ข. ตลาดลูกค้าองค์กร
นอกจากจะจับตลาดลูกค้าบุคคลแล้ว ไวตาบูสท์ยังมีโปรแกรมดูแลสุขภาพของผู้บริหารและพนักงานในองค์กรต่าง ๆ โดยในปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และ start-up ชื่อดังหลายเจ้าให้เราเข้าไปช่วยแก้ pain point ด้านสุขภาพของผู้บริหารและพนักงานที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย พักผ่อน หรือทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งถ้าสุขภาพของคนในองค์กรดีบริษัทก็จะมี Productivity มากขึ้นลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้มหาศาล ซึ่งหลังจากได้ลองทำตลาดแล้วก็ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และไวตาบูสท์ยังมีบริการรับจ้างผลิต (OEM) วิตามินเฉพาะบุคคลให้แก่คลินิกและโรงพยาบาลอื่น ๆ เนื่องจากเรามีห้องผลิตมาตรฐานสูงของตัวเองและมีทีมบุคคลากรที่เชี่ยวชาญในการผลิตวิตามินเฉพาะบุคคลหลายท่าน
จุดเด่นของไวตาบูสท์
นายศรัณย์ ชัยปาณี ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราเน้นหลัก 4 ประการคือ ง่าย-ปลอดภัย-สะดวก-ประหยัด
1. ง่าย – เราทำให้การทานวิตามินแบบได้ผลและปลอดภัยเป็นเรื่องง่าย ผู้ใช้ไม่ต้องปวดหัวว่าจะเลือกทานอะไร ปริมาณเท่าไหร่ นานเท่าไหร่ และผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาในการจัดวิตามินและอาหารเสริมลงกล่องยาในแต่ละวัน
2. ปลอดภัย – เราออกแบบโปรแกรมระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่ชื่อว่า Vitalyzer มาช่วยแพทย์ในการคำนวณปริมาณ ชนิดของอาหารเสริมที่เหมาะสมของแต่ละคน และยังมีระบบช่วยจดจำและหยุดการทานต่อเนื่องโดยอัตโนมัติของวิตามินบางตัวที่อาจสะสมในร่างกาย เช่น วิตามินที่ละลายในไขมันและโลหะหนักต่าง ๆ นอกจากนั้นวิตามินที่เราใช้ก็เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% เกรดมาตรฐานระดับเทียบเท่ายา (pharmaceutical-grade) ซึ่งมีคุณภาพและการออกฤทธิ์สูงกว่าอาหารเสริมเกรดอาหาร (Food grade) ทั่วไป
3. สะดวก – เรามีบริการส่งพยาบาลวิชาชีพไปเก็บตัวอย่างเลือดถึงบ้านเพื่อประหยัดเวลาการเดินทาง เข้าคิวรอ และเรายังมีบริการส่งวิตามินรายเดือนไปถึงบ้านโดยขนส่งเอกชน
4. ประหยัด – บริการของเรามีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการไปซื้ออาหารเสริมชนิดเดียวกันและเกรดระดับเดียวกันทานเอง โดยค่าวิตามินเริ่มตั้งแต่ 1,100 – 7,100 บาทต่อเดือนแล้วแต่โปรแกรมและแพคเกจ และบริการของเรายังมีราคาถูกกว่าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยอื่นอยู่มากพอสมควร
โดยโปรแกรมเสริมสุขภาพของไวตาบูสท์มีให้เลือกดังต่อไปนี้ตามเป้าหมายสุขภาพของแต่ละคน
(1) Anti-aging Total Solution - โปรแกรมชะลอวัยฟื้นฟูร่างกายจากภายในแบบองค์รวม
(2) Healthy Heart – โปรแกรมดูแลสุขภาพหัวใจและลดไขมันในหลอดเลือด
(3) Cancer Risks Reduction - โปรแกรมลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
(4) Beauty and Skin Enhancement - โปรแกรมเสริมความงามและบำรุงผิวพรรณจากภายใน
(5) Sustainable Weight Management - โปรแกรมลดน้ำหนักแบบยั่งยืน
(6) Men's Total Care - โปรแกรมดูแลสุขภาพคุณผู้ชายจากภายในแบบองค์รวม
โปรแกรมเสริม (Add-on program)
(1) SleepWell - วิตามินและอาหารเสริมที่ช่วยให้นอนหลับง่ายและสบายขึ้น
(2) Smart Brain - วิตามินและอาหารเสริมที่ช่วยให้สมองสดใสขึ้น ความจำดีขึ้นสำหรับผู้ใช้สมองหนัก
(3) Stronger Bone - วิตามินและอาหารเสริมสำหรับเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อ
(4) Liver Care – วิตามินและอาหารเสริมสำหรับบำรุงตับ
(5) Sport Enhancement – วิตามินและอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะในการเล่นกีฬา
การตลาดและประชาสัมพันธ์
พ.ญ.พลอยลดา กล่าวต่อว่า “กลยุทธ์การตลาดในช่วงแรกจะเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทานอาหารเสริมสูตรเฉพาะบุคคลซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับตลาดซึ่งต้องอาศัยการอธิบายผ่านการทำคอนเทนท์ บางคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิตามินว่าไม่มีประโยชน์เป็นของสิ้นเปลืองเพราะเคยมีประสบการณ์ซื้อทานเองแล้วไม่ได้ผล เราก็ต้องทำให้คนเข้าใจว่า คนยุคนี้ป่วยจากอาหารไม่ดีที่เราทานกันเข้าไป ก็ต้องใช้สารอาหารดี ๆ เข้าไปช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เปรียบดังหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง ซึ่งการบำรุงร่างกายแบบชะลอวัยนี่ก็ต้องใช้เวลานานกว่ายาเพราะเป็นการใช้อาหารธรรมชาติบำบัด ร่างกายเราขาดวิตามินมาหลายปีก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู บางคนทานวิตามินของเราไปอาทิตย์เดียวแล้วบอกว่าไม่เห็นผลเลย ก็ต้องให้ลองทานติดต่อกันสักสองถึงสามเดือนขึ้นไป เกือบทุกคนที่ทานต่อเนื่องก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกายชัดเจน ร่างกายสดชื่นขึ้น หลับสบายขึ้น ขับถ่ายดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิ พอร่างกายสมดุลระบบทั้งหมดก็จะทำงานดีขึ้นเหมือนรถใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย”
นายศรัณย์ ชัยปาณี ได้เสริมว่าเกี่ยวกับแนวทางการทำการตลาดว่า “โดยการทำการตลาดจะเป็นการทำประชาสัมพันธ์แบบ IMC (integrated marketing communication) จะแบ่งเป็น online และ offline โดยด้านออนไลน์จะเน้นโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram, Line@ เพราะเข้าถึงตรงสู่มือถือผู้บริโภค และทำออฟไลน์ควบคู่กันไปโดยการออกบูธตามที่ต่าง ๆ และออกอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับด้านความงาม สุขภาพและเทคโนโลยีโดย เป็นพันธมิตรร่วมกับบริษัทต่างๆ เช่น บริษัทประกันชีวิต ค่ายมือถือ ฟิตเนส บริษัทบัตรเครดิต และสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ เรากำลังทำตลาดกลุ่ม expats ที่อยู่ในประเทศไทยโดยการนำเสนอลูกค้ากลุ่มองค์กร และเริ่มทำ health and wellness tourism โดยสร้างศูนย์ Wellness Center ที่เอกมัยและทำโปรโมชั่นร่วมกับบริษัททัวร์ต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า
”