ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ฉลอง 40 ปีในไทย ตอกย้ำ EcoStruxure™ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเ คลื่อนไทยแลนด์ 4.0 พร้อมเปิดแคมเปญ “Bold Idea” เสริมรัฐหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลทัด เทียมสากล · เปิดตัวแคมเปญ Bold Idea ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการที่พั กอาศัย อาคาร รวมถึงอุตสาหกรรมและไอที เข้ามามีส่วนร่วมช่วยเสริมรัฐหนุ นไทยแลนด์ 4.0 ให้เป็นรูปธรรม · เผยการเปลี่ยนแปลงของโลกพลังงาน จากแรงผลักแห่งยุคดิจิทัล 3 เทรนด์หลัก ที่ต้องรับมือให้ทัน · EcoStruxure เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วย องค์กรขับเคลื่อนไปยังยุคดิจิทั ล และเป็นหนึ่งในฟันเฟืองในการขับ เคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเท ศไทย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ฉลองครบ 40 ปีในประเทศไทย แถลงวิสัยทัศน์ตอกย้ำจุดยืนสนับ สนุนการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเ ต็มสปีด ตั้งเป้ายกระดับธุรกิจประเทศไทย ชูจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญตลาด อันยาวนานใน 6 สาขาหลัก เพื่อรองรับภาคธุรกิจในการก้าวสู่ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง พลังงาน ไอที อาคาร เครื่องกล โรงงาน และโครงข่ายไฟฟ้า พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Bold Idea” ภายใต้หัวข้อ “40 Years for 4.0 Life” เจาะ 4 หัวข้อหลัก คือที่พักอาศัย อาคารและเมือง อุตสาหกรรม และไอที มุ่งสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้องค์กร ตระหนักถึงการใช้เทคโนโลยี เพื่อร่วมพัฒนาประเทศสู่ยุคดิจิ ทัลแบบก้าวกระโดด และทุก 1 โครงงานที่ส่งเข้ามามีส่วนช่วยบ ริจาคโคมไฟโมบิยา พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนพื้นที่ที่ไร้พลังงานให้ มีพลังงานใช้ สำหรับการดำเนินงานในปี 2561 นี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คาดการณ์ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแป ลงของโลกพลังงาน ที่จะถูกขับเคลื่อนด้วย “สมการ 3Ds” เป็นหลัก ได้แก่ 1) แนวโน้มการลดลงของปริมาณก๊าซคาร์ บอน (Decarbonization) ผ่านการนำพลังงานทดแทนทั้งในส่ว นของพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ ตลอดจนพลังงานจากไบโอแมสที่จะมี การนำเข้ามาใช้งานเพิ่มมากยิ่งขึ้ น 2) แนวโน้มการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัล (Digitization) ที่การเกิดขึ้นของ Internet of Things จะเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ มากถึงกว่า 50 พันล้านชิ้นเข้าหากันภายในปี 2020 ที่จะก่อให้เกิดการบูรณาการของข้ อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) ตลอดจนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเ ร็วของอุปกรณ์อัตโนมัติโดยเฉพาะ ในส่วนของระบบสาธารณูปโภคที่ จะเชื่อมเข้าหากันในลักษณะของ “grid-of-things” และ 3) แนวโน้มด้านการกระจายศูนย์พลังง าน(Decentralization) ที่จะรองรับการขยายตัวด้านการบริ โภคพลังงาน และตอบโจทย์ท้าทายเรื่องกระแสขอ งผู้บริโภคยุคใหม่ หรือ โปรซูเมอร์ ทั้งในเรื่องสมาร์ทโฮมที่ช่วยจั ดการพลังงาน โดย 57 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคจะสามาร ถผลิตพลังงานได้ด้วยตัวเอง นายมาร์ค เพลิทิเยร์ ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2560 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการตื่นตัวในการปฏิรูป ธุรกิจแบบดั้งเดิมสู่ดิจิทัล เราพยายามสร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้ง านด้าน IoT พร้อมมอบโซลูชันครบวงจร ใน 6 สาขาหลักที่เป็นความเชี่ยวชาญขอ งเรา ได้แก่ พลังงาน ไอที อาคาร เครื่องกล โรงงาน และโครงข่ายไฟฟ้า ให้แก่ลูกค้า ทำให้เรามีรายได้ทั่วโลกรวมทั้ง สิ้น 24,000 ล้านยูโร หรือราว 952,100 ล้านบาท โดย 28 เปอร์เซ็นต์ของรายได้มาจากประเท ศภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคหลักที่ส ามารถสร้างรายได้ให้กับชไนเดอร์ โดยชไนเดอร์จะนำเงินลงทุน 5 เปอร์เซ็นต์จากยอดรายได้รวมมาใช้ ในการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้ างนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ ความต้องการด้านพลั งงานและการบริหารจัดการของภาคธุ รกิจ ภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์” ทั้งนี้เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิ จตอบสนองต่อเทรนด์พลังงานที่เปลี่ ยนแปลง และกระแสของดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นได้อย่างสมบูรณ์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย มุ่งเน้นในการนำเสนอ EcoStruxure ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นหัวใจข อง IoT ให้แก่ลูกค้า ที่จะช่วยให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ สินทรัพย์เป็นได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ด้วยการใช้โปรโตคอลการสื่อสาร แบบอิงมาตรฐาน และทำให้อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ สามารถทำการวิเคราะห์และให้ข้อมู ลสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุ รกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้หน่วยงาน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนนักพัฒนา นักออกแบบและติดตั้งระบบ สามารถประยุกต์สร้างแอปพลิเคชั่ นต่างๆ เฉพาะของธุรกิจตนเองได้ ซึ่งลูกค้าที่เริ่มต้นใช้งานโซลูชั่น EcoStruxure ในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น บริษัท ไทยโพลิเอททีลีน ในเครือซีเมนต์ไทย บริษัท เด็กซ์ตร้า แมนูแฟ็คเจอร์ริ่ง และ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย “สำหรับเรา เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ได้เพียงเข้ ามาเสริมของกระบวนการทำงาน แต่ยังเข้ามาเปลี่ยนแปลงและปฏิรู ปการทำงาน โดยในปีที่ผ่านมาเราช่วยให้ลูกค้ าทั่วโลก เชื่อมต่อสินทรัพย์/อุปกรณ์ ได้มากขึ้นถึง 1.6 ล้านชิ้น พร้อมกันนี้ ชไนเดอร์ยังมุ่งเน้นที่การสร้าง ประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่ดีให้ ลูกค้า ซึ่งทำให้เกิดทราฟฟิกเว็บของบริ ษัทเติบโตขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ในทุกปี แม้แต่ดิจิทัลแคตตาล็อคก็มีการเ ยี่ยมชมมาขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยเราได้สร้างดิจิทัลพอร์ทัลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงคู่ค้ ามากว่า 650,000 รายของเราผ่านช่องทางออนไลน์ เรามีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ โดยมีผู้วางระบบและผู้พัฒนาที่ทำ งานร่วมกับเรามากกว่า 20,000 ราย ที่จะช่วยให้เราช่วยเหลือลูกค้า ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายมาร์คกล่าว ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมภาพไทยแลนด์ 4.0 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เปิดตัวแคมเปญ Bold Idea ภายใต้หัวข้อ ‘40 Years for 4.0 Life’ เพื่อสร้างการกระตุ้นให้องค์กรธุ รกิจเกิดตระหนักการนำเทคโนโนโลยี มาใช้สร้างเพี่มประสิทธิ ภาพและความยั่งยืนให้กับองค์ กรของตน เพื่อเป็นหนึ่งในฟันเฟืองในการขั บเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทั ลของประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญที่ อยู่ในอุตสาหกรรม เข้าร่วมส่งโครงการที่ช่วยขับเค ลื่อนองค์กรของตนไปสู่ดิจิทัล อันจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาปร ะเทศไทย โดยแบ่งการนำเสนอโครงการเป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ ที่พักอาศัย อาคารและเมือง อุตสาหกรรม และไอที ผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภท จะได้รับแพคเกจทัวร์เยี่ยมชมอาค ารประหยัดพลังงานระดับโลกของชไน เดอร์ อิเล็คทริค ณ ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ ทุกๆ 1 โครงการที่ส่งเข้ามาประกวด มีค่าเท่ากับโคมไฟโมบิยาพลังงาน แสงอาทิตย์ จำนวน 10 ดวง ที่ทาง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะนำไปมอบให้กับพื้นที่ในประเทศ ไทยที่พลังงานเข้าไม่ถึงพลั งงานอีกด้วย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เ ว็บไซต์ www.schneider-electric.co.th/ seth40 “ในกระบวนการเข้าสู่ยุคดิจิทัลอ ย่างเต็มรูปแบบ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไม่ได้เพียงหากลยุทธ์ในการผลักดั นลูกค้า หากแต่เริ่มจากการพัฒนาองค์กรขอ งตัวเองก่อน เพื่อเป็นต้นแบบให้กับลูกค้าในก ารขับเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัลได้ อย่างมั่นคง ยั่งยืนควบคู่กันไปด้วยกัน” นายมาร์ค กล่าวสรุป |
IT >