Lifestyle & Events
สัมผัสประสบการณ์ประทับใจ ล่องเรือ ไหว้พระ ไหว้เจ้า “วิถีน้ำ วิถีนนท์”
สัมผัสประสบการณ์ประทับใจ ล่องเรือ ไหว้พระ ไหว้เจ้า “วิถีน้ำ วิถีนนท์”ที่ผ่านมาในทีมงาน BUSINESSANDVARIETY ในฐานะคนเมืองนนทบุรีโดยกำเนิดได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมดีดีของจังหวัดนนทบุรี นั่นคือ โครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประจำปี 2566 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา นาย สุธีทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประจำปี 2566 พร้อมด้วย นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ประธานจัดโครงการ และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด ณ ปะรำพิธีบริเวณริมเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี ไปสัมผัสด้วยตัวเองมาแล้วในฐานะลูกหลานคนนท์แท้ๆ ต้องบอกว่าโครงการนี้ได้รับความสนใจมากพอสมควร เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ทำให้ประชาชน ทุกเพศทุกวัยได้มีโอกาสล่องเรือ ไหว้พระ ไหว้เจ้า เรียกได้ว่าได้สัมผัสกับบรรยากกาศ “วิถีน้ำ วิถีนนท์”อย่างแท้จริง ต้องบอกกล่าวกันครั้ง งานนี้ เทศบาลนครนนทบุรี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร จัดโครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประจำปี 2566 ในวันอาทิตย์ที่ 22, 29 มกราคม และวันอาทิตย์ที่ 5 , 12 กุมภาพันธ์ 2566 วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนนทบุรีให้แพร่หลายมากขึ้น อันจะส่งผลต่อการกระจายรายได้ จากการท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่นและจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดนนทบุรีและประเทศไทยอย่างยั่งยืน จากการร่วมกิจกรรมที่ผ่านมา ก็ต้องบอกว่าสร้างความประทับใจได้พอสมควร นอกจากได้มีโอกาสทำบุญ ไหว้พระ ไหว้เจ้า เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตแล้ว ยังได้สัมผัสกับทิวทัศน์ ธรรมชาติทีงดงามของจังหวัดนนทบุรี ประทับใจกับความน่ารักของมัคคุเทศน์ตัวน้อยๆ พร้อมๆ กับการต้อนรับอย่างดีจากทีมงานผู้ดูแล และคนในชุมชนต่างๆ ที่สำคัญทำให้คนในชุมชนได้มีรายได้อีกด้วย โดยมีสถานที่การท่องเที่ยวจำนวน 11 แห่งดังนี้ 1.ศาลเจ้าแม่ทับทิม 2.ศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดนนทบุรี 3.วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร 4.ศาลหลักเมือง(เดิม) 5.วัดโตนด 6.วัดบางระโหง 7.วัดไทรม้าใต้ 8.วัดแคนอก 9.พุทธสถานเชิงท่า- หน้าโบสถ์ 10.วัดฉิมพลีสุทธาวาส 11.วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร ในการเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด และความร่วมมือจากองค์กร ภาครัฐ เอกชน โรงเรียน วัด และชุมชนเป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่สนใจยังมีโอกาส เชิญชวนผู้ที่สนใจมาร่วมกิจกรรมกันได้ฟรี ซึ่งทางเรือด่วนเจ้าพระยาได้เตรียมเรือไว้รับนักท่องเที่ยวจำนวน 20 ลำ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้วันละ 2,000-2,500 คน ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางมาได้ และมาลงทะเบียนร่วมกิจกรรมตามวันที่มีการจัดกิจกรรมได้ตั้งแต่เวลา 06.30 น. เป็นต้นไป ไม่เกินเวลา 09.00 น. ที่เต็นท์ลงทะเบียนริมเขื่อนท่าน้ำนนท์ บอกได้คำเดียวสายบุญไม่น่าพลาด |
หอการค้าไทย-จีน ร่วมสมทบทุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สืบทอดเจตนารมณ์บรรพบุรุษ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
หอการค้าไทย-จีน ร่วมสมทบทุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สืบทอดเจตนารมณ์บรรพบุรุษ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 หอการค้าไทย-จีน จัดพิธีการมอบเงินบริจาคสมทบทุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาทียมฯ เป็นผู้รับมอบ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า หอการค้าไทย-จีน นอกจากมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และจีน ในทุกมิติแล้ว หอการค้าไทย-จีน ยังมีบทบาทด้านการสาธารณกุศล ที่สืบทอดกันมายาวนาน จากรุ่นสู่รุ่น จากการระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก ในช่วงเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา หอการค้าไทย-จีน ได้ร่วมบริจาคเงิน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของอุปโภคบริโภค ผ่านโรงพยาบาลและหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 สำหรับการบริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นั้น เป็นกิจกรรมที่หอการค้าไทย-จีน ให้ความสำคัญ เพื่อช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพ มีความพิการทางการเคลื่อนไหว ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพ หอการค้าไทย-จีน ได้ร่วมสมทบทุนมูลนิธิขาเทียมฯ ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2563 เว้นช่วงมากว่า 2 ปี ก็เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย และทั่วโลก ดีขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่หอการค้าไทย-จีน จะได้กลับมาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิขาเทียมฯ อีกครั้งหนึ่ง ในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ ได้กล่าวขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคเงินกับ หอการค้าไทย-จีน รวมจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อส่งมอบต่อ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อใช้ประโยชน์ ในการจัดหาขาเทียมให้กับผู้ทุพพลภาพที่ด้อยโอกาส ต่อไป ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการ มูลนิธิ ขาเทียมฯ ได้กล่าวขอบคุณหอการค้าไทย-จีน และผู้มีจิตศรัทธา ที่ได้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิขาเทียมฯ ในวันนี้ และกล่าวเสริมว่า มูลนิธิขาเทียมฯ ก่อตั้งมาเป็นปีที่ 30 แล้ว ยึดมั่นปณิธานของสมเด็จย่า ในสองข้อ คือ ไม่เก็บเงินจากผู้ด้อยโอกาสที่มาติดตั้งขาเทียม และ ผู้ด้อยโอกาสทุกเพศ ทุกวัย ทุกชาติและภาษา มีความเท่าเทียมกัน ปัจจุบันมีโรงงานทำขาเทียม จำนวน 92 แห่งทั่วประเทศ ส่วนมากตั้งในพื้นที่ชายแดน และโรงพยาบาลชุมชน ใกล้บ้านผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้มูลนิธิขาเทียมฯ ยังได้ให้ความช่วยเหลือ ไปยังประเทศ เพื่อนบ้าน และประเทศอื่นๆ เช่น แอฟริกา ที่ได้ขอความช่วยเหลือมา สำหรับผู้ร่วมสมทบทุนมูลนิธิขาเทียมฯ กับหอการค้าไทย-จีน ในครั้งนี้ ได้แก่ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล / นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ / นายสงวน ชื่นพาณิชยกุล/ นายสินชัย งามวงศ์มาศ/ นายสมเกียรติ เหล่าทวีสุข/ นายประสิทธิ์ ศิริมงคลเกษม / นายสันติ โกวิทจินดาชัย/ นายสรสินธุ ไตรจักรภพ/ นายวิชัย กาญจนเสวี/ นายสมชาย เวชากร/นายสมัย กวักเพฑูรย์/ นายเกรียงฤทธิ์ สุขเจริญสิน/ นายประวิตร วิรานุวัตร/ นายกวี หัสดินไพศาล/ นายยุทธพงษ์ เลิศวิโรจน์กุล / นายย่งชิง จริงจัง/ นายพีรภพ แซ่ตั้ง/ นายอภิชาติ เจนสถิตวงศ์/ และนายสันตชัย พรหมบันดาล// |
โคเซ่ (KOSE’) จัดโครงการ “Save The Blue Project ” ต่อเนื่องมายาวนานมากกว่า 10 ปี
โคเซ่ (KOSE’) จัดโครงการ “Save The Blue Project ” ต่อเนื่องมายาวนานมากกว่า 10 ปี โคเซ่ “KOSE” แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรมเพื่อการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง กับโครงการ Save the blue Project (เซฟ เดอะ บลู โปรเจค) ถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมนี้ ครบรอบ 1 ทศวรรษ (12 ปี) สำหรับโครงการนี้ โดย คุณ เคอิจิโร่ คะวะฮะระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย ทีมผู้บริหาร และพนักงาน ของทางบริษัท โคเซ่ ประเทศไทย ได้เข้าร่วมเยี่ยมชมนิทรรศการตามโซนต่างๆของ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกเกาะมันใน จังหวัดระยอง และ บ่ออนุบาลเต่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการปล่อยเต่ากลับคืนสู่ทะเลใต้ท้องทะเลไทยในกิจกรรม Save the blue Project (เซฟ เดอะ บลู โปรเจค) ครั้งนี้ นอกจากนี้ทางบริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้มอบอุปกรณ์สำหรับใช้ในการดูแลเต่าทะเล ,สัตว์ทะเลหายาก และเพาะพันธ์เพิ่มจำนวนปะการังให้กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ตามระบบนิเวศน์ รวมเป็นมูลค่า120,000 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นบาทถ้วน) ให้กับศูนย์วิจัยฯ ณ บริเวณ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกเกาะมันใน จังหวัดระยอง เพื่อสำหรับใช้เป็นประโยชน์สูงสุดในการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก เช่นเต่าทะเล และติดตามผลของปะการังในระบบนิเวศน์ใต้ท้องทะเลไทย และพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทย คุณ เคอิจิโร่ คะวะฮะระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโครงการ“Save the Blue Project นี้ทางบริษัทฯ จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นกิจกรรมที่ทางบริษัทฯ มีความมุ่งเน้นในเรื่องรณรงค์ ส่งเสริม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อให้การดูแลและฟื้นฟูธรรมชาติทางทะเลเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธรรมชาติทางท้องทะเลสมบูรณ์ต่อไปอีกนาน และทางบริษัทฯ จะดำรงส่งเสริมกิจกรรมนี้ต่อไปเพราะเราตะหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศน์ทางท้องทะเลเป็นสิ่งหนึ่งของระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านๆที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ โคเซ่ “KOSE” มาอย่างต่อเนื่องเช่นกันนะครับ และลูกค้าทุกท่านๆยังมีส่วนสนับสนุนในกิจกรรมนี้อีกด้วย” นายสุเทพ เจือละออง นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กล่าวว่า “ ทางศูนย์วิจัยฯ ต้องขอขอบคุณทาง บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จัดโครงการ “Save the Blue Project ซึ่งได้จัดกิจกรรมนี้กับทางศูนย์ฯ มายาวนานถึง 12 ปี ทำให้ทางศูนย์ได้พัฒนา และ ติดตามผลการพัฒนาโครงการนี้ได้อย่างต่อเนื่อง และได้ร่วมกันพัฒนาระบบวิเศน์ทางท้องทะเลให้เป็นไปได้ด้วยดี เพื่อให้ท้องทะเลไทยได้มีธรรมชาติทางทะเลได้อย่างสมบูรณ์ต่อไปอีกนาน” |
SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR เผยโฉมไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชันล่าสุด ‘A Parisian State of Mind’
SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR เผยโฉมไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชันล่าสุด ‘A Parisian State of Mind’ นำสัมผัสแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ปารีเซียงมาถ่ายทอดสู่งานดีไซน์ให้เหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางมหานครปารีสในทุกวัน SB Design Square จุดประกายเปลี่ยนมุมมองการช้อปสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ให้กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ล่าสุดจับมือ ELLE DECOR เปิดตัวคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ ผสานรูปลักษณ์ที่ทันสมัยอย่างมากความปราณีตในสไตล์ปารีเซียง สะท้อนความเรียบอย่างมีดีไซน์ผ่านไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านมากกว่า 50 ชิ้น นายพิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ กล่าวถึงแนวทางการสร้างสรรค์โปรเจคพิเศษด้านความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยโซลูชันที่ล้ำหน้าและไม่ซ้ำใครว่า ในฐานะผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์และการแต่งบ้าน ภายใต้แนวคิด Home Design Solutions การสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานดีไซน์ใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเติมเต็มความต้องการของไลฟ์สไตล์เทรนด์ในทุกช่วงเวลาจึงเป็นความท้าทายให้ SB Design Squareต้องเฟ้นหาความใหม่ที่พิเศษสุดมานำเสนอในแต่ละปี โดยอาศัยความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำที่พร้อมจะดึงจุดเด่นของแบรนด์นั้นๆ มาผสานกับความเชี่ยวชาญที่เรามี เพื่อส่งมอบโซลูชันในการอยู่อาศัยโดยมีดีไซน์เข้ามาเติมเต็มเพื่อความสุขในทุกโมเมนต์ของการใช้ชีวิต โดยล่าสุดในปีนี้ SB Design Square ได้ผสานความร่วมมือกับ ELLE DECOR แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นระดับโลกจากฝรั่งเศส สร้างสรรค์ผลงานไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายแบบฉบับของปารีเซียงสไตล์ ที่มุ่งเน้นถ่ายทอดความงดงามทางแฟชั่นกับศิลปะในการออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่นำเข้าจากทั่วโลกผ่านเทคโนโลยีการผลิตสุดทันสมัยได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกหล่อหลอมผ่านมุมมองสร้างสรรค์ให้กลายเป็นคอลเลคชันพิเศษ ที่มีดีไซน์ทันสมัยและรายละเอียดการผลิตสุดประณีตให้สัมผัสถึงความเป็นเฟมินีน มีเสน่ห์โดดเด่นกว่าใครภายใต้ความเรียบอย่างมีสไตล์ในคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ “SB Design Square ต้องการที่จะผสมผสานเรื่องของการแต่งบ้านเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยให้มากขึ้น ต้องการสร้างความคิดที่ว่า ‘การแต่งบ้านเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัน’ ให้เหมือนกับการเลือกซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นของชิ้นใหญ่ ซึ่งคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ จะสะท้อนแนวคิดไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ได้เป็นอย่างดี” นายพิเดช ชวาลดิฐ กล่าวถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ‘A Parisian State of Mind’ “ความร่วมมือในครั้งนี้เสมือนเป็นการย้ำให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ ที่ทันสมัย เพื่อยกระดับความเป็น Home Design Solutions ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั้งเรื่องสินค้าและบริการช่วยออกแบบตกแต่งที่ครบวงจร ด้วยความที่เราเป็นผู้นำจึงสามารถสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ที่โดดเด่น เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ นำเสนอในราคาที่สามารถจับต้องได้ โดยเราได้นำลวดลายของ ELLE DECOR มาผสมผสานลงไปในชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ในคอลเลคชัน A Parisian State of Mind ที่นำสัมผัสแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ปารีเซียงมาถ่ายทอดสู่งานดีไซน์ที่เหมือนให้เราใช้ชีวิตอยู่ใจกลางมหานครปารีสในทุกวัน” ด้านมุมมองต่อทิศทางการพัฒนางานด้านดีไซน์โซลูชันของ SB Design Square จากปัจจุบันสู่อนาคตนั้น นายพิเดช กล่าวเสริมว่า จากพฤติกรรม work from home ที่เกิดขึ้นในกว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่ทำให้ "บ้าน" ไม่ได้เป็นแค่เพียง "ที่อยู่อาศัย" แต่ยังกลายเป็นออฟฟิศ ห้องประชุม ฟิตเนส ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์ ประกอบกับการเริ่มเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะสินค้าในลักษณะไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ที่ผสานประสบการณ์ใหม่เข้ากับฟังก์ชันที่ลูกค้าต้องการ SB Design Square จึงได้ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เดินหน้าแนวคิดในการพัฒนาเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์เทรนด์ในส่วนนี้มาอย่างต่อเนื่อง และจากกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้เราได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกปี โดย SB Design Square จะไม่หยุดที่จะเข้าถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คน ด้วยเหตุนี้เราจึงนำ Big Data ที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์แบรนด์ที่หลากหลายเพื่อเป้าหมายในการขยายกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ในอนาคต ด้านนางสาวปรียรัติ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ลาร์กาแดร์ แอคทีฟ เอ็น เตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของแบรนด์ ELLE DECOR ในประเทศไทยกล่าวถึงความพิเศษของคอลเลคชันใหม่ภายใต้โปรเจคพิเศษ SBDS X ELLE DECOR ว่า คอลเลคชัน A Parisian State of Mind ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านกว่า 50 ชิ้น ซึ่งเราได้ผสมผสานลายพริ้นท์ ELLE Signature และ Parisian Touch ซึ่งสะท้อน DNA ของแบรนด์ในความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นมาลงอยู่ในคอลเลคชันนี้ และสะท้อนให้เห็นว่า ELLE เป็นมากกว่าสินค้าแฟชั่น แต่หากคือทุกๆช่วงชีวิตของผู้หญิง ELLE ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็มีสไตล์ไปหมด ความโดดเด่นของคอลเลคชันนี้คือ ELLE Signature ที่เน้นลาย Signature Monogram สุดคลาสสิค รวมไปถึง The Parisian Journey ที่นำ ELLE Eiffel มาทำให้ห้องของคุณมีชีวิตชีวาดั่งมหานครปารีส และที่ขาดไม่ได้คือลายพริ้นท์camo ที่เป็นลายที่เป็น MUST HAVE ของ Fall Winter 2022 นี้เลยทีเดียว ซึ่งความร่วมมือกับ SB Design Square ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถ makeover ห้องของคุณจากห้องธรรมดาให้มีความหรูหรา มีสไตล์ น่าค้นหา และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ สร้างบรรยากาศในบ้านของคุณให้เป็น #ParisianAnywhere ได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้งนี้ ไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ในคอลเลคชัน A Parisian State of Mind พร้อมเปิดให้ได้สัมผัสเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกวัน ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sbdesignsquare.com หรือเข้าชมสินค้าจริงได้ที่ SB Design Square สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ และ SB Design Square สาขาราชพฤกษ์ เจาะลึกเส้นทางความร่วมมือกับแบรนด์ดังเพื่อเปิดโลกดีไซน์ ให้สามารถเข้าถึงได้ในทุกวันของ SB Design Square : SB Design Square (เอสบี ดีไซนด์สแควร์) ได้ริเริ่มนำกลยุทธ์ Collaboration เข้ามาสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้แก่คนไทย ตั้งแต่ปี 2561 กับ Campaign 52 Week of Design ผ่านทางช่องทาง Online ของ SB Design Square เพื่อสร้าง Designer Connect ที่รวมหลากหลายไอเดียการแต่งบ้านจากอินทีเรียร์ดีไซน์เนอร์มืออาชีพ 52 คน มานำเสนอตลอด 52 สัปดาห์ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมต่อเนื่องถึง 2 ปีติดต่อกัน ต่อมาในปี 2564 SB Design Square ได้ร่วมกับ 4 ดีไซน์เนอร์ ประกอบด้วย VATANIKA แฟชั่นแบรนด์ไทยที่ดังไกลระดับโลก โดย วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา, VAIR สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในที่มี Signature แห่งดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร โดย เบญญาภา ศิริโสภณ, Vaslab Architecture หนึ่งในบริษัทสถาปนิกที่น่าจับตาแห่งยุค โดย วสุ วิรัชศิลป์, SUNTUR ศิลปินนักวาดภาพ ที่มีผลงานโดดเด่นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดย ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล สร้างสรรค์ความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์งานออกแบบและสินค้าคอลเลคชันพิเศษ และส่งมอบประสบการณ์แห่งดีไซน์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า และโปรเจคความร่วมมือในปี 2565 กับ Samsung แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของโลกกับแคมเปญ Lifestyle Enabler เพื่อนำเสนอ Design Solutions การออกแบบพื้นที่ภายในบ้านรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เข้ากัน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เทรนด์ยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว |
มูลนิธิเฮอริเทจ ประเทศไทย มอบเครื่องดื่มในเครือเฮอริเทจ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา
มูลนิธิเฮอริเทจ ประเทศไทย มอบเครื่องดื่มในเครือเฮอริเทจ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ – มูลนิธิเฮอริเทจ ประเทศไทย ภายใต้การดูแลของเครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำโดย วลัยทิพย์ ซื่อตรงมั่นคง (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เครือเฮอริเทจ ส่งมอบเครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ แบรนด์อัลมอนด์บรีซ จำนวน 1,080 กล่อง ให้กับสมาคมกู้ชีพบัวเพชรและศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เขตบางรัก เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบกับวิกฤตอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ บริษัท เฮอริเทจ สแน็ค แอนด์ ฟู้ด จํากัด เมื่อวันก่อน |
BRAND LOVE ของคนตัวเล็ก ส่วนผสมทางการตลาดที่กลมกล่อม พร้อมเสิร์ฟ ของ “เจ๊นุ้ย หมูกรอบ”
BRAND LOVE ของคนตัวเล็ก ส่วนผสมทางการตลาดที่กลมกล่อม พร้อมเสิร์ฟ ของ “เจ๊นุ้ย หมูกรอบ” ใครชอบหมูกรอบยกมือขึ้น คำถามนี้มาพร้อมกับภาพของผู้หญิงอารมณ์ดีในชุดกระโปรงสีแดง ด้วยบุคคลิกภาพที่โดดเด่น ในแบบฉบับแม่ค้าแซ่บ ที่มักจะมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ชื่นชอบในการสรรหาเรื่องราวมาเอ็นเตอร์เทนลูกค้าเป็นชีวิตจิตใจ เสิร์ฟมาพร้อมกับหมูกรอบสีเหลืองทอง หนังพองกรอบ เนื้อในฉ่ำเป็นเชิงชั้น กรอบนอกนุ่มในน่ารับประทาน ภาพเหล่านี้สร้างการรับรู้และจดจำ และทำให้หลายคนตกหลุมรักหมูกรอบของ “เจ๊นุ้ย หมูกรอบ” แบรนด์น้องใหม่มาแรงของผู้หญิงที่ชื่อว่า “พีรษา เพิ่มทรัพย์อนันต์” หากจะเอาเรื่องของหลักการเข้ามาวิเคราะห์เบื้องหลังความสำเร็จ ลำดับการสร้างแบรนด์ที่เริ่มจาก การได้รู้ได้เห็น คือ แบรนด์อแวร์เนส(BRAND AWARENESS) ถัดมาคือ เห็นแล้วจดจำ แบรนด์เรคคอกไนซ์(BRAND RECOGNIZE) ต่อด้วยเห็นแล้วรู้สึกรัก แบรนด์เลิฟ(BRAND LOVE) ย้อนเส้นทางการเติบโตของแบรนด์ของ “เจ๊นุ้ย หมูกรอบ” ที่เธอมักจะตอกย้ำอยู่เสมอว่าเป็นแบรนด์ของคนตัวเล็ก มาต่อเป็นจิ๊กซอร์ให้เห็นภาพกันแล้วละก็ มาถึงขั้นนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ““เจ๊นุ้ย หมูกรอบ” แบรนด์น้องใหม่ และเป็นแฟรนไชส์มาแรงแห่งปี ได้สร้างปรากฏการณ์ BRAND LOVE ได้อย่างมีนัยสำคัญ แน่นอนที่สุดนอกจากประเด็นหลักสินค้าคุณภาพดี รสชาติอร่อย ในราคาที่จับต้องได้แล้ว เครื่องมือสื่อสารทางการตลาด ที่เรียกว่า DIGITAL MARKETING ยังถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญไม่น้อย -จุดเริ่มต้นของคนตัวเล็ก ที่ไม่เคยทำหมูกรอบมาก่อนเลยในชีวิต “โดยส่วนตัวเป็นคนชอบรับประทานหมูกรอบมาก แต่ในรัศมี 20-30 กิโลเมตร รอบตัวส่วนใหญ่จะไม่มีหมูกรอบแบบชั่งกิโลขายให้ซื้อหามารับประทาน เป็นที่มาว่าตกงานปุ๊ปไม่รู้จะทำอะไร ก็มานั่งคิดดูว่าเราจะทำอะไรดี ก็เลยคิดที่จะขายหมูกรอบ เพราะเป็นอาหารที่คนชอบรับประทานกัน ประกอบอาหารได้หลายเมนู แต่คนไม่ชอบลงมือทำทานกันเอง เพราะมีหลายขั้นตอน แล้วคนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันก็ชื่นชอบความสะดวกสบาย ก็เลยเลือกที่จะขายหมูกรอบ แล้วต้องยอมรับว่าข้อดีของการค้าขายก็คือได้เงินสด จากนั้นก็มองหาทำเล ตัดสินใจมาเลือกทำเลย่านตลาดนัดเลียบทางรถไฟบางปะอิน เพราะตรงนี้ใกล้บ้าน ง่าย ไม่ต้องเก็บของ เพราะทำคนเดียว ไม่มีสามี ลูกก็ยังเรียนหนังสือ ก็เลยตกลงเช่าที่นี่ ในชีวิตไม่เคยทำหมูกรอบเลย เริ่มจากไปดูสูตรในยูทูป ซื้อหมูมาสามกิโลมาลองทำ ก็เลยเอาหมูกรอบที่ทำไปขาย ตกเย็นก็นำหมูกรอบสามกิโลไปขาย เชื่อไหมขายหมดเลย ทำในตอนแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยออกมาสวยเป็นที่พอใจเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นก็ภูมิใจที่ทำหมูกรอบได้ ก็ค่อยๆ พัฒนาคุณภาพ หาสูตร หาวิธีการที่เหมาะสม ปรับปรุงมาเรื่อยๆ แรกๆ ก็ใช้กระทะใบเล็ก จากสามกิโล ห้ากิโล เจ็ดกิโล สิบกิโล ลูกค้ารอเป็นชั่วโมงก็ยังรอ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว เริ่มฮอต ก็ปรับเปลี่ยนหากระทะที่ใบใหญ่ขึ้นเพื่อที่จะทอดหมูกรอบได้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า จากวันแรกๆยอดขายสองพันหนึ่ง เดือนเดียวยอดขายขึ้นมาห้าพันเจ็ดร้อยบาท แล้วก็เพิ่มต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ใจมันฟูเลย ก็เลยคิดว่าในชีวิตจะไม่ทำอะไรนอกจากหมูกรอบ” -พลิกชีวิตจาก เพจชี้ช่องรวย เรียนหลักสูตรแฟรนไชส์ต่อยอดธุกิจ “แล้วสวรรค์ก็ประทานโชค เดือนเดียวมียอดขายวันละเจ็ดแปดพัน เดือนหนึ่งสองแสน ก็เป็นโชคดีของนุ้ย แล้วก็เป็นวาสนาของนุ้ย เพจชี้ช่องรวยติดต่อมาเพื่อมาถ่ายคลิป พอคลิปออกอากาศไป คืนเดียวมียอดคนดูถึงหนึ่งล้านวิว จากคืนนั้นหนูก็เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ จากที่เคยขายแค่ย่านบางปะอิน ก็มีคนติดต่อมาเยอะ ก็มีทั้งที่ต้องการสั่งซื้อ รับไปขายต่อ หรือบางคนก็ต้องการขอคำแนะนำ ขอกำลังใจ ผ่านมา สามเดือนสิบวัน คลิปนี้มียอดวิวสี่ล้านสองแสนวิว ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศ เป็นที่มาของการเข้ามาเรียนหลักสูตรเจ้าของแฟรนไชส์ แล้วก็พร้อมที่จะขายแฟรนไชส์ เพราะว่าก่อนที่จะขายแฟรนไชส์ ได้ลองส่งผ่านระบบการแช่แข็งให้กับร้านค้าใหญ่ๆ ปรากฏว่า ไปถึงลูกค้าสินค้าก็ยังสดใหม่เหมือนออกจากเตา ก็เลยเป็นที่มาของการนำแบรนด์ของตัวเองมาต่อยอด เพื่อเสิร์ฟหมูกรอบไปถึงประชาชนทั่วประเทศ” -จุดแข็งคู่แข่งน้อย คืนทุนง่าย โอกาสทางธุรกิจยังมีอีกมาก “จุดเด่นคือ มีคู่แข่งน้อย ไม่เคยขายของก็ทำได้ เพราะมีคู่มือการทอด การจัดหน้าร้าน การเก็บ แล้วเอามาสอนตัวต่อตัวกับนุ้ย วิธีการสอนเราจับมือทำ เหมือนสอนลูกเขียนหนังสือ มันฝึกกันได้ มันอยู่ที่จุดเริ่มต้น แฟรนไชส์ราคาไม่แพง ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คืนทุนง่าย มีคนให้ความสนใจ สินค้ามีความแตกต่าง ![]() ถ้าพูดถึงโอกาสทางธุรกิจของธุรกิจหมูกรอบ ตลาดนัดมีคนเยอะแล้วคนมาเดินตลาดนัดส่วนใหญ่ตั้งใจมาหาของกิน ไม่มีใครมาตลาดนัดแล้วมาเดินเล่นเล่น ตลาดนัดส่วนใหญ่ เวลาที่คนเดินก็ช่วงประมาณเวลาสาม สี่โมงเย็นไปแล้ว พอตอนทุ่มหนึ่ง สองทุ่มตลาดวายแล้ว เราใช้เวลาทำงานแค่สี่ ห้าชั่วโมงรวมเก็บร้านด้วย ในการหาเงินเข้ากระเป๋าสอง สามพัน กำไรนะคะ พันห้า สองพัน สามพัน แล้วแต่ตลาดนั้นคนเยอะไหม เวลาที่เหลือก็เอาไปดูแลครอบครัว พักผ่อน หรือ ทำเรื่องอื่นๆ ได้ คิดดูแล้วรายได้มากกว่าคนกินเงินเดือน” -กว่าจะมีวันที่ยิ้มได้ ความมุ่งมั่น เบื้องหลังมีแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ “ชีวิตกว่าที่ทุกท่านจะเห็นหนูมีโอกาสยิ้มกว้างขนาดนี้ หนูเคยเจอปัญหาที่ถาโถมมาก่อน เคยเป็นคนที่ล้มเหลวมาแล้ว เคยตัดสินใจฆ่าตัวตาย คุยกับลูก ลูกสาวอายุ16 ปีเข้ามากอดขา บอกว่าแม่จะทิ้งเงินทองไว้ให้เขามากเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมาย ถ้าแม่ไม่อยู่กับเขา เราก็มาคิดดูถ้าเราเห็นแก่ตัว ทิ้งเขาไป เขาจะอยู่อย่างไร ![]() ก็เลยคิดว่าชีวิตต้องหายใจไปต่อ ก็เลยมาจบที่การทำหมูกรอบ ตอนแรก ๆ ก็ยอมรับว่าอายเหมือนกัน ว่าต้องมาเป็นแม่ค้า แต่ความอายไม่ช่วยให้เราอิ่ม ไม่ได้ช่วยจ่ายค่าเทอมลูก ค่างวดรถ จ่ายค่าบ้านได้ เราก็มุ่งมั่นทำของเรา โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนสุดโต่ง นุ้ยเป็นคนที่ทำอะไรแล้ว ทำสุด พอตั้งใจทำให้สุดก็ไม่คิดว่าจะใช้เวลาได้ในเดือนเดียว” นั่นเป็นเรื่องราวชีวิตส่วนหนึ่งที่เธอถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับบางคนที่อาจจะกำลังท้อแท้ หรือหมดหวังกับการใช้ชีวิต อีกประเด็นหนึ่งที่อยากวิเคราะห์ให้เห็นภาพกันก็คือ ความสำเร็จของการสร้างแบรนด์ ““เจ๊นุ้ย หมูกรอบ” ก็คือการผสมผสานทั้งเรื่องของ LOGIC และ EMOTIONAL คือเป็นเรื่องของการใช้ตรรกะ เหตุผล การพัฒนาคุณภาพของสินค้า การให้ความสำคัญกับเรื่องของการสร้างแบรนด์ รวมทั้งการต่อยอดธุรกิจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ผสานไปกับเรื่องราวของ สิ่งที่เรียกว่า” อารมณ์ร่วม” ![]() ว่าไปแล้ว STORY หรือเรื่องราว ภาพของผู้หญิงที่มีความอดทน มุ่งมั่น ที่จะก่อร่างสร้างธุรกิจของตัวเอง กับภาพความเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่พร้อมจะทำ และฝ่าฟันทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของลูกสาวอันเป็นที่รัก เรื่องราวที่อาจเรียกว่าเป็น “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”ที่ลำดับภาพมาให้เห็นข้างต้น ก็ถือเป็นแรงขับเคลื่อนอีกแรงที่ทำให้ลูกค้า และหลายคนพร้อมที่จะสนับสนุน หรือ SUPPORT แบรนด์ “เจ๊นุ้ย หมูกรอบ” เรียกได้ว่าก้าวสู่ความเป็น BRAND LOVE ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นหมายถึงความท้าทายขั้นต่อไป คือ BRAND ROYALTY เพราะแค่รักอย่างเดียวยังไม่พอ แต่ยังต้องเชื่อมั่น และจงภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องในระยาว ที่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งที่อยากหยิบยกมาให้เห็น บนเส้นทางการเติบโตของคนตัวเล็ก ที่ไม่ใช่ “BIG BRAND” ที่วันนี้ได้ก้าวสู่การเป็น “BRAND LOVE” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ************************************************************************************************************************************************************************** story/photo:มธุรส ลพหงษ์ ----------------------------------- |
บุคลากรกลุ่มเบญจจินดาเข้ารับรางวัลประทาน “ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา 2565”
บุคลากรกลุ่มเบญจจินดาเข้ารับรางวัลประทาน “ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา 2565” ในปีนี้ คุณณัฐวุฒิ ปิ่นทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัทเบญจจินดา ได้เข้ารับรางวัลประทานประจำปี 2565 สาขาผู้ประกอบการอาชีพที่มีคุณธรรมและส่งเสริมพระพุทธศาสนา (โล่สีทอง) โดยการจัดงานฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย องค์กรและภาคีเครือข่าย ได้คัดเลือกและคัดสรร พร้อมเชิดชูและประกาศเกียรติคุณบุคลากรในแต่ละสายอาชีพที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา พร้อมประกาศเกียรติคุณแด่บุคลากรสายวิชาชีพแต่ละสาขาและสำหรับสามเณร ยุวพุทธ จิตอาสา (โล่สีเงิน) ผู้ทำคุณประโยชน์ ต่อพระพุทธศาสนา สังคม และประเทศชาติ ด้วยพร้อมกัน |
เปิดงานธุรกิจแฟรนไชส์แห่งปี Smart SME EXPO 2022 หวังสร้างอาชีพ ฟื้นเศรษฐกิจสู้โควิด
เปิดงานธุรกิจแฟรนไชส์แห่งปี Smart SME EXPO 2022 หวังสร้างอาชีพ ฟื้นเศรษฐกิจสู้โควิด คาดเงินสะพัดในงานกว่า 400 ลบ. บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ-เอกชน และสถาบันการเงิน ยกทัพธุรกิจแฟรนไชส์กว่า 200 บูธ พร้อมโซลูชั่นส์ช่วยเหลือเอสเอ็มอี สินเชื่อเสริมแกร่งธุรกิจ จัดเต็มเสวนาให้ความรู้และอบรมอาชีพฟรี หวังช่วยพลิกวิกฤตสร้างโอกาสสำหรับคนที่มองหาอาชีพ ต่อยอดธุรกิจใหม่ และอัพเดทเทรนด์ธุรกิจให้โตกว่าใคร ด้วยรูปแบบการจัดงานผสมผสานทั้งออนกราวน์และออนไลน์ โดยงานจัดต่อเนื่องระหว่างวันที่ 7-10 ก.ค. 65 ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี หวังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันสร้างอาชีพให้ประชาชน และปลุกภาคธุรกิจเอสเอ็มอีให้ขยายตัว คาดเงินสะพัดภายในงานกว่า 400 ลบ. ยอดจองสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 2,000 ลบ. นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานเปิดงาน Smart SME EXPO 2022 กล่าวว่า "หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์สงครามการค้า ที่ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของไทยหยุดชะงักและชะลอตัวลง การจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในปีนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี และเป็นปีที่แนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมของไทยขยับตัวดีขึ้นตามลำดับ ขอชื่นชมผู้จัดงาน ที่สามารถรวบรวม SME ที่โดดเด่น และหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ มาจัดแสดงอย่างสอดรับกับสถานการณ์ ยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้นำธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนามาร่วมจัดแสดงและเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ด้วย นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจ SME และผู้ที่สนใจ เป็นกลไกสำคัญในการผลักดัน ขับเคลื่อน และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งต่อไป” นายวิเชฐ ตันติวานิช ประธานกรรมการ บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวในฐานะผู้จัดงาน Smart SME EXPO 2022 ในครั้งนี้ว่า "การจัดงานSmart SME EXPO 2022 มีการจัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ที่สำคัญยังเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 20 ของ บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่อยู่เคียงข้าง SMEs ไทยมายาวนาน จึงได้จัดตั้งกองทุนชี้ช่องรวยสร้างอาชีพ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ชี้ช่องรวย, กลุ่มผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ และ มูลนิธิสัมมาชีพ ปันผลกำไรจากธุรกิจบางส่วน มาจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนตกงาน ว่างงาน อาทิ แม่เลี้ยงเดี่ยว คนที่ประสบปัญหาในชีวิต เพื่อสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ โดยให้ทักษะ ให้อุปกรณ์ ก่อเกิดเป็นรายได้ จุนเจือตัวเองและครอบครัวต่อไป สำหรับการจัดงาน Smart SME EXPO 2022 ภายในงานประกอบด้วย 5 โซนธุรกิจเด่น ได้แก่ โซนแฟรนไชส์ธุรกิจน่าลงทุน โซนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โซนสถาบันการเงินและหน่วยงานสนับสนุน โซนธุรกิจความงามและสุขภาพ โซนธุรกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยรวบรวมธุรกิจแฟรนไชส์กว่า 200 บูธ ให้เลือกลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่หลักพัน หลักหมื่น ไปจนถึงหลักล้าน อาทิ เทมปุระชีสลาวา Mr. Tempu, กังฟูชาบู, ส้มตำนั๊วนัว, ชานมแอมที, ลูกชิ้นยืนกิน เจ้พงษ์, กะเพราเข้าตา, ยำยั่วปูขี่พริก, ซูชิแชมป์เปี้ยน, แฟรนไชส์สินค้าไลฟ์สไตล์ HANA, เจ๊นุ้ย หมูกรอบ, ร้านเครื่องเขียน M&G Shop, ผู้จำหน่ายเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ ดั๊ก กรุ๊ป , บริการเทคโนโลยีครบวงจร SABUY TECH, ดาด้ารวมแซ่บ, 24ชั่วโมง คอฟฟี่, ขนมครกสิงค์โปร์แม่เนตร, ปังก้อนทอง, เลอมงราเม็ง, SWEET SECRET, ไก่เกา ฯลฯ นอกจากนี้ยังเติมทัพด้วย 40 แฟรนไชส์จาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ ปังอั้ยยะ ปังปิ้งไส้เยิ้ม, See U Waffle, Olino Crepe & Tea, ร้านใส่นม Sainom's, ปาป้า พิซซ่า, Egg All Day, ศรีฟ้าเบเกอรี่, โทโร่ฟรายส์, เตี๋ยวเรือยุดยา, Nigiwai Sushi, ฮ่องเต้เป็ดย่างไฮโซ, เตี๋ยวตุ๋นหม้อไฟ Indy, อาหารเกาหลี-ญี่ปุ่น, บิ๊กโตเกียว, รสโบราณ สเตชั่น, ชานมไข่มุก ชาละวัน, หมีป่วน นมปั่น, ชิบะจัง ปังทวิสต์, กาแฟ RRABICA EZAN, ชอบชา, Wonder Wash, SHIPPOP, BEST Express เป็นต้น พิเศษงานนี้ยังรวมเหล่าร้านดังสตรีทฟู้ดมาสร้างสีสันภายในงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไอศครีม Minimelts(Thailand) ผัดไทยฝรั่ง หมีย่างเกาหลู ลูกชิ้นย่างหอมไม้ละแสน กาแฟ คอฟแมน กะลาลืมผัว เค้กจิ๋ว โกโก้ไอ้ต้น และอีกมากมาย พร้อมเสิร์ฟทำเลทองทั่วประเทศกว่า 2,000 สาขา โดยโลตัส สำหรับใครที่ติดปัญหาเงินทุนภายในงานยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากเหล่าธนาคารชั้นนำมาเสิร์ฟครบจบในงานเดียว ได้แก่ สินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ และสินเชื่อห่วงใยสู้ภัยโควิดจากออมสิน สินเชื่อเติมทุนคู่พัฒนาเพื่อเอสเอ็มอีไทย โดย SME D Bank ทีมพี่หมอให้คำปรึกษาทางด้านการเงินให้แก่ผู้ประกอบการจาก บสย. สินเชื่อเพื่อผู้ส่งออกป้ายแดงและ สินเชื่อ EXIM Logistics โดย Exim Bank นอกจากยังมีสินเชื่อเสริมแกร่งเอสเอ็มอีเกษตรจาก ธ.ก.ส. และสินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์อีกด้วย “จากสถานการณ์โควิด 19 ที่แม้จะยังไม่หายไป แต่ลมหายใจธุรกิจและทุกชีวิตต้องเดินหน้าต่อ คาดว่างานนี้จะช่วยเสริมสร้างอาชีพ หนุนให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่ขึ้น โดยคาดว่าจะทำให้เกิดยอดเงินสะพัดในการซื้อขายธุรกิจในงานกว่า 400 ล้านบาท รวมทั้งมียอดคำขอสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท” คุณวิเชฐทิ้งท้าย สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแฟรนไชส์ อาชีพทำเงิน หรือโอกาสใหม่ ๆ พลาดไม่ได้กับงาน Smart SME EXPO 2022 ที่จัดต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ณ ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี โดยสามารถลงทะเบียนเข้างานได้ที่ https://expo.smartsme.co.th/register/2022/ หรือร่วมงานผ่านทางออนไลน์ที่ https://virtual.smartsme.co.th/ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 086-314-1482 หรือ inbox มาที่ Smart SME EXPO |
หนานเป่ย ห้องอาหารจีนชื่อดังในโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เปิดให้บริการอีกครั้ง
หนานเป่ย ห้องอาหารจีนชื่อดังในโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมเปิดตัวเมนูพิเศษ “A Taste of Hunan” เมนูรสเด็ดจากมณฑลหูหนาน อาหารเผ็ดร้อนเมนูใหม่เสริมเมนูซิกเนเจอร์จากภาคเหนือและภาคใต้ของหนานเป่ย หนานเป่ย ห้องอาหารจีนสุดโมเดิร์น ที่ตั้งอยู่ชั้น 19 ภายในโรงแรม โรสวูด กรุงเทพฯ เฉลิมฉลองการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565 พร้อมเมนูพิเศษชูอาหารรสชาติเผ็ดร้อนจากมณฑลหูหนาน อาหารจีนเลื่องชื่อจากตอนกลางของภาคใต้ เมนู “A Taste of Hunan รสชาติแห่งมณฑลหูหนาน” พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายนจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 นี้ หนานเป่ย (Nan Bei) ยังคงเอกลักษณ์ของการเสิร์ฟอาหารจีนสูตรต้นตำรับจากทั้งสองภูมิภาคคือ จีนตอนเหนือและตอนใต้ พร้อมให้แขกลิ้มลองรสชาติดั้งเดิมของอาหารจีนหลากหลายเมนู ซึ่งเสิร์ฟโดยเชฟแมทธิว เกง (Chef Matthew Geng) ห้องอาหารหนานเป่ยเปิดให้บริการอาหารกลางวันและ อาหารเย็น ทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ เชฟแมทธิว เกงได้เดินทางกลับประเทศจีนในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด พร้อมสำรวจร้านอาหารในมณฑลต่างๆเพื่อค้นหาเมนูใหม่ๆเพื่อที่จะนำกลับมาเสิร์ฟที่ห้องอาหารหนานเป่ย ระหว่างการเดินทางนั้น เชฟแมทธิวได้แรงบรรดาลใจจากการเดินทางสู่ภูมิภาคใต้ โดยเฉพาะมณฑลหูหนาน ที่เชฟได้เตรียมตำรับเมนูสูตรเก่าแก่จากครอบครัวอันหลากหลาย คัดสรรวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยม และการจัดจานเทคนิคใหม่เพื่อกลับมาเสิร์ฟแขกในกรุงเทพฯ นครแห่งนางฟ้า ได้ลิ้มรสในห้องอาหารหนานเป่ยโดยเฉพาะ “A Taste of Hunan รสชาติแห่งมณฑลหูหนาน” ประกอบไปด้วยอาหารรสชาติจัดจ้าน 6 เมนู เพื่อนำเสนอรสสัมผัสอันเผ็ดร้อน และเมนูที่ประกอบไปด้วยพริกดองอันเลื่องชื่อของมณฑลนี้ วิธีการทำอาหารหูหนานนั้น มักจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า bian (煸) หรือการผัดในน้ำมันในกระทะเหล็ก เมนูเลิศรสจานโปรดของเชฟจากหูหนาน ประกอบไปด้วย เนื้อสันในวากิวผัดผริกเขียวในน้ำมันหอยจากหูหนาน ซี่โครงหมูคุโรบูตะผัดพริกดองและพริกไทย และ ไก่ออร์แกนิคทอด เสิร์ฟคู่ซอสพริกดองสูตรเด็ด ห้องอาหารหนานเป่ย ยังคงเสิร์ฟเมนูอันเป็นที่นิยม อาทิ เป็ดปักกิ่ง ปลากะพงราดซอสเปรี้ยวหวาน กุ้งลายเสือตัวโตและหน่อไม้ฝรั่งนำไปผัดกับไข่เค็ม และ เสี่ยวหลงเปา เชฟมากฝีมือจะคอยจัดเตรียมอาหารผ่านครัวแบบเปิดที่จัดเตรียมอาหารทะเลตามแบบฉบับทางตอนใต้ของจีน และเป็ดปักกิ่งอันเลื่องชื่อของภาคเหนือ ![]() ภายในห้องอาหาร ได้มีการนำเสนอการตกแต่งอันวิจิตรงดงามด้วยนกกระเรียนที่ประดับดวงไฟสว่างไสวกว่า 600 ตัว เสมือนกำลังโบยบินเป็นสะพานให้สาวทอผ้าและหนุ่มเลี้ยงวัวมาพบกัน อีกทั้งยังแสดงถึงเส้นสายของการถักทอด้วยดีไซน์จากเพดานลงสู่ เบื้องล่าง นอกจากนี้ ห้องวีไอพีสุดหรูทั้ง 2 ห้อง บ่งบอกเรื่องราวคู่รักเมื่อพบกันครั้งแรกด้วยผนังผ้าไหมและกระจกที่สะท้อนถึงสระน้ำในตำนาน |
มาม่า - ฟาร์มเฮ้าส์ - วาโก้ – แอร์โรว์ แท็กทีมแบรนด์ดังเครือสหพัฒน์กว่า 300 แบรนด์ พาเหรดสินค้าเอาใจมหาชน จัดโปรลดกว่า 90%
มาม่า - ฟาร์มเฮ้าส์ - วาโก้ – แอร์โรว์ แท็กทีมแบรนด์ดังเครือสหพัฒน์กว่า 300 แบรนด์ พาเหรดสินค้าเอาใจมหาชน จัดโปรลดกว่า 90% ในงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 26” 30 มิ.ย. - 3 ก.ค.นี้ ที่ไบเทค บางนา นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า สหกรุ๊ปแฟร์เป็นงานจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยิ่งใหญ่ของเครือสหพัฒน์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีนี้เป็นครั้งที่ 26 โดยมีแบรนด์ดังกว่า 300 แบรนด์รวมพลังกันนำสินค้าคุณภาพดีมาจำหน่ายพร้อมมอบโปรโมชันลดพิเศษกว่า 90% นอกจากนี้ หลายแบรนด์ยังได้นำสินค้าใหม่มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้ด้วย “สหกรุ๊ปแฟร์เป็นมหกรรมงานช้อปที่มีสินค้ามาจำหน่ายอย่างครบครัน ใครที่มองหาสินค้าราคาลดพิเศษเพื่อลดค่าครองชีพไม่ควรพลาดงานนี้ มีทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์กีฬา เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และอื่น ๆ โดยสินค้าอาหารนำธงด้วย มาม่า ที่มาพร้อมคอลเล็กชั่นพิเศษ MAMA 50th Year Collection ซึ่งเป็นครั้งแรกของการรวมมาม่า 3 รสชาติ 3 สไตล์ ไว้ในซองเดียว คือ มาม่ารสข้าวซอยไก่ มาม่าโฮลวีตรสหมูพริกไทยดำ และมาม่าบะหมี่หยกรสเป็ดย่าง ทางด้าน ฟาร์มเฮ้าส์ ก็จะเปิดตัวขนมปังฮอตดอกไส้คุกกี้แอนด์ครีม และแซนด์วิชเค้กรสคุกกี้แอนด์ครีม” นายธรรมรัตน์ กล่าว ส่วนสินค้าเครื่องแต่งกายมีไฮไลต์อยู่ที่ แอร์โรว์ ที่จะเปิดตัวนวัตกรรมเสื้อเชิ้ต UPCYCLING SHIRT NO.5 จากการรีไซเคิลขวดน้ำพลาสติก และ วาโก้ จะระดมชุดชั้นในคอลเล็กชันต่าง ๆ มาให้เลือกซื้อในราคาลดกว่า 90% นอกจากนี้ ยังมี เอราวอน มาพร้อมคอลเล็กชันใหม่ที่ตัดเย็บจากเนื้อผ้าพิเศษที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนจากเกล็ดปลาที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ แพน กับการเปิดตัวรองเท้าใหม่หลายรุ่นทั้ง PAN VEGAN BRIGHT, PAN Vigor X Microfiber, HEELCARE NURSE และ PS.JUNIOR TOWN สำหรับเครื่องสำอางพบกับคอลเล็กชันใหม่จาก บีเอสซี ที่พัฒนาขึ้นสำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องเผชิญกับปัญหาความเครียด มลภาวะ พักผ่อนน้อย นอนไม่หลับ ผิวขาดน้ำ ไม่เรียบเนียน และมีจุดด่างดำ ทางด้านผลิตภัณฑ์เด็กมี อองฟองต์ มาเปิดตัว Enfant Organic PROTM นวัตกรรมที่มอบเป็นของขวัญเพื่อดูแลลูกน้อย ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า โลชั่น แชมพู สบู่เหลว โลชั่นกันแดดสูตร และโลชั่นกันยุง ผู้สนใจสามารถไปเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ดังจากเครือสหพัฒน์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00–22.00 น. ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา ติดตามโปรโมชันและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก sahagroupfair |
1-10 of 232