Motor & Energy
เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ปี 2565 สู้วิกฤติพลังงานพุ่ง ปิโตรเคมีขาลง
เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ปี 2565 สู้วิกฤติพลังงานพุ่ง ปิโตรเคมีขาลง เร่งธุรกิจกรีนตอบเมกะเทรนด์โลก คว้าโอกาสเศรษฐกิจฟื้น มั่นใจเสถียรภาพการเงินมั่นคงกรุงเทพฯ : 26 มกราคม 2566 – เอสซีจี เผยผลประกอบการปี 2565 ยอดขายเพิ่ม กำไรลดลง จากต้นทุนพลังงานสูงขึ้นอย่างมาก เงินเฟ้อ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว วัฏจักรปิโตรเคมีขาลง เร่งเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ มุ่งสินค้ากรีน ตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก คว้าโอกาสเศรษฐกิจฟื้น สร้างการเติบโตต่อเนื่อง กลุ่มพลังงานสะอาดโต 78% – พลาสติกรักษ์โลกยอดขายกว่า 140,000 ตัน ขยายตัวกว่า 5 เท่า – โซลูชันประหยัดพลังงานบวกรับตลาด 40% –พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้ทรัพยากร ล่าสุด LSP พร้อมเดินเครื่องผลิตสินค้าสู่ตลาด กลางปี 2566 มั่นใจการเงินมั่นคง จากการรักษาสภาพคล่องอย่างเคร่งครัด มุ่งลดต้นทุน ลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “ผลประกอบการเอสซีจีปี 2565 มีรายได้ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 กำไร 21,382 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 55 สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัว ปิโตรเคมีขาลง ต้นทุนพลังงานสูง ในขณะที่ ไตรมาส 4 ปี 2565 มีกำไร 157 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ รายการด้อยค่าสินทรัพย์ และรายการอื่น จะมีกำไร 1,070 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 66 จากไตรมาสก่อน ทั้งหมดนี้ เป็นผลจากวิกฤติซ้อนวิกฤติ ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ราคาพลังงานทั้งถ่านหินและค่าไฟพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เงินเฟ้อ ค่าเงินบาทผันผวน เศรษฐกิจจีนชะลอตัว และวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี แต่เอสซีจีได้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับตัวฉับไวเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อธุรกิจโดยรวม โดยมุ่งเน้นรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้มั่นคง ลดต้นทุนโดยใช้พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการผลิต พิจารณาการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ส่งผลให้เงินสดคงเหลือแข็งแกร่งอยู่ที่ 95,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ความท้าทายที่ผ่านมาก็เอื้อให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ ของธุรกิจ โดยเฉพาะความต้องการสินค้ากรีน ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญของโลกและมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มพลังงานสะอาด พลาสติกรักษ์โลก โซลูชันประหยัดพลังงาน บรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้ทรัพยากร โดยในปี 2565 ยอดขาย SCG Green Choice เติบโตโดดเด่นร้อยละ 34 เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือมียอดขายรวม ร้อยละ 51 ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจของเอสซีจีพร้อมเร่งเดินหน้าเต็มที่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น สำหรับปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น จากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคกลับมาคึกคัก ขณะที่ตลาดอาเซียนปรับตัวขึ้นตามการเปิดประเทศของจีน ราคาถ่านหินในตลาดโลกลดลงหลังจากช่วงฤดูหนาว และเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว เอสซีจีเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านวิกฤติในครั้งนี้ และตอบความต้องการใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี” นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “จากวิกฤติต้นทุนพลังงานทั้งถ่านหินและค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เอสซีจีจึงรุกธุรกิจพลังงานสะอาด โดยมีขนาดกำลังการผลิต 234 เมกะวัตต์ ในปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 จากปีก่อน ด้วยระบบเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Grid สำหรับนิคมอุตสาหกรรม เครือข่ายโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล ล่าสุดติดตั้งแล้วที่กลุ่มบริษัทสหยูเนี่ยน บางปะกง เชื่อมโยงพลังงานสะอาดระหว่าง 10 บริษัท ช่วยลดต้นทุนพลังงาน ร้อยละ 30 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 3,670 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ซึ่งธุรกิจนี้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาดของเอสซีจี เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานในตลาดโลก โดยปี 2565 เอสซีจีเพิ่มสัดส่วนใช้เชื้อเพลิงทดแทนเป็นร้อยละ 34 จากร้อยละ 26 ในปีก่อน และมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 194 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจาก 130 เมกะวัตต์ในปีก่อน ขณะเดียวกัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมทั้งกำลังพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์คาร์บอน (Carbon Capture and Utilization - CCU) จากการผลิตปูนซีเมนต์ในไทยและอาเซียน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050 โดยร่วมกับ นิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง และ ไทยนิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น” นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “SCGC เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก “SCGC GREEN POLYMERTM” ต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดโลก มียอดขายกว่า 140,000 ตัน เติบโตกว่า 5 เท่า ในปีที่ผ่านมา อีกทั้ง ได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจรีไซเคิลพลาสติกครบวงจร โดยลงนามซื้อกิจการของคราส (Kras) / Recycling Holding Volendam B.V. ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้จากประเทศเนเธอร์แลนด์ จึงช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจฯ ตั้งแต่การจัดเก็บ คัดแยก ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ครอบคลุมภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม ทั้งนี้พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจาก SCGC ได้รับมาตรฐานสากลจากหลายองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ EuCertPlast จากยุโรป ซึ่งรับรองแหล่งที่มาของวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลว่ามาจากพลาสติกใช้แล้ว ช่วยลดปัญหาขยะ และมาตรฐาน Recyclass จากการพัฒนาสารเคลือบชั้นฟิล์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรีไซเคิลให้กับบรรจุภัณฑ์พลาสติก ถือเป็นรายแรกในอาเซียน ขณะเดียวกัน บริษัท ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ จำกัด (Long Son Petrochemicals Company Limited - LSP) โครงการปิโตรเคมีครบวงจร ที่เวียดนาม คืบหน้ากว่าร้อยละ 98 พร้อมเดินเครื่องผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดกลางปีนี้” นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี เร่งผลักดันธุรกิจสมาร์ท ลิฟวิ่ง โดยเฉพาะโซลูชันเพื่อประหยัดพลังงานและค่าไฟ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในช่วงค่าไฟปรับตัวสูง โดยในปี 2565 เติบโตกว่าร้อยละ 40 อาทิ “SCG Air Scrubber” นวัตกรรมประหยัดพลังงานระดับโลก สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ศูนย์ประชุม หรือห้างสรรพสินค้า มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงานได้ถึงร้อยละ 20-30 ติดตั้งแล้ว 7 อาคารขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์การค้า Terminal 21 สาขาพัทยา, Kloud by Kbank สยามสแควร์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี จึงจะมีโครงการลงทุนขยายรุ่นสินค้าตามความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ ได้พัฒนา “SCG Built-in Solar Tile” นวัตกรรมแผงโซลาร์สำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่ออกแบบเนียนเรียบไปกับผืนหลังคา ช่วยลดค่าไฟได้ร้อยละ 60” นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า “SCGP กำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนานวัตกรรม เพิ่มโซลูชันบรรจุภัณฑ์ ตั้งงบลงทุนและค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในปี 2566 รวม 800 ล้านบาท โดยพัฒนานวัตกรรม “เส้นใยนาโนเซลลูโลส” จากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์อาหาร พร้อมขยายไปยังอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ และวัสดุคอมโพสิต รวมถึงต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สู่การปลูกพืชและสมุนไพรมูลค่าสูง ตลอดจนมุ่งพัฒนาวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตมาเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยอยู่ระหว่างการพัฒนา “เทคโนโลยี Torrefaction” เพื่อใช้พลังงานชีวมวล (Biomass) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เสริมการดำเนินงานด้าน ESG” นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของเอสซีจี ประจำปี 2565 มีรายได้จากการขาย 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน จากธุรกิจแพคเกจจิ้ง และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยมีกำไรสำหรับปีอยู่ที่ 21,382 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 55 จากปีก่อน สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับลดลง ต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ รายการด้อยค่าสินทรัพย์ และรายการอื่น จะมีกำไรสำหรับปีอยู่ที่ 23,270 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50 จากปีก่อน สำหรับไตรมาส 4 ปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 122,190 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากราคาและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามความต้องการของตลาดที่ลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 157 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 94 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงประกอบกับต้นทุนพลังงานทั้งถ่านหินและค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ หากไม่รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ รายการด้อยค่าสินทรัพย์ และรายการอื่น จะมีกำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 1,070 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 66 จากไตรมาสก่อน เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) ปี 2565 อยู่ที่ 195,520 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของยอดขายรวม ทั้งนี้ ยังมีสัดส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) คิดเป็นร้อยละ 17 และ Service Solutions คิดเป็นร้อยละ 6 ของยอดขายรวม รายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทยในปี 2565 ทั้งสิ้น 257,880 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45 ของยอดขายรวม ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีมูลค่า 906,490 ล้านบาท โดยร้อยละ 45 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน (นอกเหนือจากไทย) ผลการดำเนินงานในปี 2565 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) มีรายได้จากการขาย 236,587 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากปีก่อน เนื่องจากราคาและปริมาณขายสินค้าที่ลดลง โดยมีกำไรสำหรับปี 5,901 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 80 จากปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาขายสินค้าและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 43,285 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 34 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายสินค้าปรับตัวลดลง โดยมีขาดทุนสำหรับงวด 1,052 ล้านบาท สาเหตุจากส่วนต่างราคาขายสินค้าลดลง ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 204,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับปี 3,789 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 จากปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 49,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลยุทธ์การปรับราคาขายสินค้าส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและในภูมิภาค โดยมีขาดทุนสำหรับงวด 717 ล้านบาท ทั้งนี้หากไม่รวมรายการด้อยค่าสินทรัพย์และรายการสำคัญ (Key Items) จะมีขาดทุนสำหรับงวดอยู่ที่ 157 ล้านบาท สาเหตุหลักจากต้นทุนวัตถุดิบรวมทั้งพลังงานที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง SCGP มีรายได้จากการขายเท่ากับ 146,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ (M&P) และการขยายกำลังการผลิต (Organic expansion) โดยมีกำไรสำหรับปี 5,801 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และการหดตัวของปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ท่ามกลางอุปสงค์ที่ลดลงทั่วโลก ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2565 SCGP มีรายได้ จากการขาย 33,509 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากปริมาณการขายที่ลดลงตามความต้องการที่ชะลอตัวลงทั้งตลาดในประเทศ และตลาดส่งออก และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 450 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 76 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณและราคาขายที่ลดลงของกระดาษบรรจุภัณฑ์” นายรุ่งโรจน์ กล่าวปิดท้ายว่า “ในปีนี้ เอสซีจี ยังคงมุ่งรักษาความมั่นคงทางการเงินและสภาพคล่อง ลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ รัดเข็มขัด รวมทั้งลดต้นทุนพลังงาน ขณะเดียวกัน เร่งเดินหน้าธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ลงทุนในนวัตกรรม คว้าโอกาสเศรษฐกิจฟื้น สร้างโซลูชันรองรับเมกะเทรนด์โลก เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ซึ่งตลาดในภูมิภาคเริ่มฟื้นและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ เอสซีจี พร้อมช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สังคม โดยปี 2565 สร้างอาชีพให้ผู้ที่เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจรวม 9,000 คน ให้มีรายได้ ลดเหลื่อมล้ำในสังคม” คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 8.0 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 9,600 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45 ของกำไรสำหรับปีตามงบการเงินรวม ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 6.0 บาท เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 2.0 บาท การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 10 เมษายน 2566 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 เมษายน 2566) โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 เมษายน 2566 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี##########การ ปี 2565 สู้วิกฤติพลังงานพุ่ง ปิโตรเคมีขาลง |
อีซูซุ พร้อม! ทะยานต่อ ให้โลกตาม ส่งรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ ครบทุกไลน์อัพ ร่วมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39”
อีซูซุ พร้อม! ทะยานต่อ ให้โลกตาม ส่งรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ ครบทุกไลน์อัพ ร่วมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” รับยอดขายพุ่งมิดไมล์ส่งท้ายปี กลุ่มอีซูซุเดินหน้าพร้อมทะยานต่อ ให้โลกตาม นำรถรุ่นใหม่ล่าสุดครบทุกไลน์อัพมาต่อยอดกระแสความร้อนแรงในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” หลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในเมืองไทยอีกครั้งกับมาตรฐานใหม่ในวงการปิกอัพ ด้วยนวัตกรรมความปลอดภัยขั้นสูง ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) พร้อมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ใน “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ MAGIC EYEs…ทะยานต่อ ให้โลกตาม” ทั้งในรุ่น วี-ครอส และไฮแลนเดอร์ พร้อมไลฟ์สไตล์ปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์- ซีรี่ส์”…INFINITE X-LIFE มันส์! มิดไมล์” และ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่ไม่สิ้นสุด” รถอเนกประสงค์ระดับ Top Class ดีไซน์ใหม่ พร้อมไฮไลท์พิเศษรถแต่งสุดเท่ 2 คัน เติมเต็มความสนุกและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต รวมทั้งสิ้น 15 คัน โดยมาพร้อมกิจกรรมและโปรโมชันสุดคุ้มให้เลือกสรรอย่างครบถ้วนภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคม ศกนี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีซูซุได้เปิดตัวรถใหม่ล่าสุดทั้งรถปิกอัพ และรถอเนกประสงค์ระดับหรูใหม่ครบทุกไลน์อัพ โดยยืนหยัดพัฒนายนตรกรรมให้พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถในเมืองไทยอย่างแท้จริง โดยได้เติมเต็มระบบความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง และเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในรถปิกอัพเมืองไทย ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS ด้วยนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ “MAGIC EYEs” จึงเป็นที่มาของการจัดเต็มขบวนรถใหม่ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” นำโดย “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ MAGIC EYEs…ทะยานต่อ ให้โลกตาม” และยังตอกย้ำ 12 ปีแห่งความสำเร็จของการถือกำเนิดไลฟ์สไตล์ปิกอัพ ด้วย “ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์…INFINITE X-LIFE มันส์! มิดไมล์” สะกดทุกสายตากับสีเทาใหม่! Islay Gray Opaque โดยยังคงเอกลักษณ์ความเท่ตามแบบฉบับโทนสีแดง-ดำ เพื่อสื่อถึงความสนุกเร้าใจของการผจญภัยใหม่ ๆ ที่ไร้ขีดจำกัดไปกับรถอีซูซุ และนอกจากรถปิกอัพหลากหลายรุ่นแล้ว ยังมี “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่ไม่สิ้นสุด” ที่ไม่ได้พัฒนาเพียงเพื่อให้เป็นรถอเนกประสงค์ระดับหรู แต่ถือกำเนิดจากรสนิยมและการใช้ชีวิตของผู้ที่กำหนดความสำเร็จในแบบของตัวเอง หมุดหมายใหม่จึงมาพร้อมดีไซน์และสีใหม่! น้ำเงิน กลาเซียร์ ไมก้า (Glacier Blue Mica) และความสะดวกสบายด้วยฝาท้าย Smart Tailgate แบบ Step Sensor เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันชาญฉลาด ให้ความรู้สึกเหนือระดับอย่างไม่สิ้นสุด นอกจากนี้อีซูซุยังได้จัดเตรียมรถแต่งพิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการโมดิฟายและแต่งรถให้โดดเด่นมีเอกลักษณ์ รวมทั้งโปรโมชันสุดคุ้ม รถทดลองขับ และกิจกรรมภายในบูธให้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลตลอดทั้ง 12 วัน” ขบวนรถอีซูซุรุ่นใหม่ที่นำมาจัดแสดงภายในบูธให้เลือกชมในครั้งนี้ ได้แก่ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ MAGIC EYEs…ทะยานต่อ ให้โลกตาม” สู่ทุกเส้นทางอย่างมั่นใจ ปิกอัพรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำแห่งความปลอดภัยกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) พร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ครั้งแรกของรถปิกอัพเมืองไทย ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ คอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ชัดเจน และแม่นยำกว่าระบบกล้องหน้าเดี่ยว (Mono Camera) ในรุ่น ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4x4 MAGIC EYEs รุ่น 4 ประตู เกรด M 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีเทา! Islay Gray Opaque ปิกอัพสปอร์ตออฟโรด เท่ ดุดัน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ออกแบบภายในด้วยดีไซน์ High-Class & Sporty หรูหรา โอ่อ่า สะดวกสบาย และในรุ่น ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ MAGIC EYEs รุ่น 4 ประตู เกรด M เท่ พรีเมี่ยม เต็มอารมณ์สปอร์ต โดยนำมาทั้งรุ่น 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ทั้งสีขาวมุก Dolomite Pearl White สีดำ Bavarian Black และสีเทา Islay Gray โดยอีซูซุ วี-ครอส ราคาเริ่มต้นที่ 882,000 บาท และอีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 733,000 บาท “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ แค็บโฟร์” สีขาว Siberian White และ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแค็บ” เกรด S-DA สีเงิน Bohemian Silver Metallic ตอบสนองความคุ้มค่าด้วย Option ที่เหนือกว่า ใหม่! หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบ Android Auto และ Wireless Apple CarPlay คมชัดระดับ HD ใช้งานง่าย พร้อมกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด โดยรุ่นแค็บโฟร์ ราคาเริ่มต้นที่ 716,000 บาท ส่วนรุ่นสเปซแค็บ ราคาเริ่มต้นที่ 635,000 บาท “ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์…INFINITE X-LIFE มันส์! มิดไมล์” ปิกอัพสปอร์ตเรซซิ่งพรีเมี่ยมสุดเท่ ความเร้าใจใหม่ล่าสุด ครั้งแรกกับสีเทาใหม่! Islay Gray Opaque โดดเด่นกระแทกใจด้วยสติกเกอร์คาดหน้า-หลัง เท่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมสัญลักษณ์ X ที่ด้านหน้า ภายในยกระดับความโฉบเฉี่ยวด้วย X-Stylish Package ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ปลุกเร้าทุกอารมณ์การขับขี่ ด้วยขุมพลัง 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 ให้แรงสะใจ มันส์! มิดไมล์อย่างที่ต้องการ · ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น SPEED มีมาให้ชมถึง 2 คัน ได้แก่ รุ่น 2 ประตู สีดำ Bavarian Black Mica และรุ่น 4 ประตู สีเทาใหม่! Islay Gray Opaque เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตเรซซิ่ง ด้วยใหม่! สเกิร์ตหน้าลายเคฟลาร์ มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน โดดเด่น สะดุดตา และใหม่! ดีไซน์เบาะนั่งทูโทนสีดำแดง ทรงสปอร์ต โอบกระชับ พร้อมสัญลักษณ์ X สีแดงสุดเท่ที่เบาะคู่หน้า ราคาเริ่มต้นที่ 733,000 บาท · ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น HI-LANDER รุ่น 4 ประตู สีขาว Dolomite White Pearl ใหม่! สเกิร์ตกันชนหน้าดีไซน์เท่รับกับกระจังหน้า ให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมียม และใหม่! เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต โอบกระชับ นั่งสบาย มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน และสัญลักษณ์ X ปักด้ายแดงสุดเท่ที่เบาะคู่หน้า ราคาเริ่มต้นที่ 853,000 บาท “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่ไม่สิ้นสุด” รถอเนกประสงค์ระดับหรูที่ยกระดับดีไซน์ไปอีกขั้น หนักแน่นปราดเปรียวสไตล์ Sport SUV กับภายนอกที่เข้มเต็มอารมณ์สปอร์ต โดดเด่นด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Black Chrome โฉบเฉี่ยวด้วยเฉดสี Magnetite Gray รอบคัน โทนเทาดำดุดัน ภายในกว้างโอ่อ่า ใหม่! โทนสี Macchiato Brown สีน้ำตาลเทาสลับสีน้ำตาลเข้มให้อารมณ์นุ่มลึก เพิ่มอารมณ์หรูด้วยวัสดุ Piano Black และ Chrome ประณีตดุจงาน Craftmanship เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีให้คอนเน็คทุกช่วงชีวิตกับโลกยุคใหม่ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE เหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS แบบมีกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera สะดวกสบายยิ่งกว่าด้วยใหม่! ฝาท้าย Smart Tailgate แบบ Step Sensor โดยมาครบทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 1,154,000 บาท และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการโมดิฟายและตกแต่งรถให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีซูซุได้จัดรถแต่งพิเศษในสไตล์ที่แตกต่าง จำนวน 2 คัน ได้แก่ · ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4x4 MAGIC EYEs รุ่น 4 ประตู 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีดำ Bavarian Black Mica สปอร์ตออฟโรดคันแกร่งสำหรับผู้ที่รักการผจญภัยและพร้อมลุยทุกสถานการณ์ แต่งเติมเพิ่มความเท่ ทรงพลัง สะกดทุกสายตา ด้วยกันชนหน้า ARB Summit Sahara Bar พร้อมขาอะลูมิเนียมซ่อนไฟ LED ด้านใน เสริมไฟสปอร์ตไลท์หน้า ARB Solis ขนาด 9 นิ้ว และหูลากสีแดง Recovery Point บันไดข้าง ARB พร้อมหัวปิดบันได กันชนท้าย ARB พร้อมท่อเสริมด้านล่างซ้าย-ขวา อัพเกรดสมรรถนะการขับขี่ให้นุ่มสบายและนิ่งหนึบยิ่งขึ้นด้วยชุดช่วงล่างตัวท็อป OLD MAN EMU BP-51 จาก ARB พร้อมชุดยกแหนบ 2 นิ้ว ติดตั้งชุดตะแกรงหลังคา ARB Base Rack พร้อมไฟสปอร์ตไลท์เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ล้อแม็กซ์ KMC KM544 ขนาด 9x20 นิ้ว มาคู่กับยาง Toyo Tires R/T ขนาด 305/55R20 รวมมูลค่าอุปกรณ์ตกแต่ง 460,000 บาท · เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ รุ่น Active สีขาวมุก (Dolomite White Pearl) เสริมเอกลักษณ์ในสไตล์รถสปอร์ตหรูที่โดนใจคนรุ่นใหม่ ด้วยเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์สุดฮิต ฝากระโปรงหน้า Carbon Composite รุ่น M3 และครอบกระจกมองข้างลาย F1 จาก Monza Factory พร้อมล้อแต่งหล่อ ๆ จากแบรนด์ Rays รุ่น TE37 ProGressive II ก้านโค้งรุ่นใหม่ล่าสุดขนาด 9x18 นิ้ว มาคู่กับยาง Toyo Tires รุ่น Proxes ST ขนาด 265/60R18 ปรับแต่งช่วงล่างให้ขับสนุกและนุ่มนวลยิ่งขึ้น ด้วยโช๊คอัพ Explorer รุ่น RACE Series พร้อมสปริงโหลด 2 นิ้ว เร่งแรงแซงเหนือ สปีดด้วยชุดคันเร่งไฟฟ้า 50 ระดับ ALPHATECH รุ่น Spark 3 และกล่องพ่วงเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ ALPHATECH รุ่น Super Storm พร้อม Plug & Play เพิ่มแรงม้าแรงบิดให้มันส์สะใจ คอนโซลหน้าติดตั้งชุดเกจ์มิเตอร์พร้อมขาจับสุดเท่ ชุดแผ่นสแตนเลสดักเข้ากรองอากาศ ชุดล็อกขาตั้งฝากระโปรงหน้า ชุดโลโก้กระจังหน้าสแตนเลส รวมมูลค่าอุปกรณ์ตกแต่งกว่า 250,000 บาท ขอเชิญชวนร่วมสนุกกับกิจกรรมความบันเทิงต่าง ๆ ภายในบูธอีซูซุ · พบกับโปรโมชันสุดคุ้ม “โปร MAGIC EYEs ปลายปี ดีเวอร์” สำหรับรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์เลือกผ่อนขั้นต่ำในอัตราเริ่มต้นเพียง 4,xxx บาท/เดือน หรือขับก่อนผ่อนทีหลัง ฟรี 90 วัน หรือเลือกรับดอกเบี้ยสุดพิเศษ (ในรุ่นรถและรายละเอียดที่บริษัทฯ กำหนด) · กิจกรรม “MASTER ROUTE ท้าตัวจริงสายลุยพิชิตภารกิจทั่วไทย” ยกมาไว้ที่บูธอีซูซุเป็นพิเศษ! สำหรับผู้ร่วมงานให้เช็กอิน และถ่ายภาพ พิชิตเส้นทางสุด UNSEEN 17 สถานที่ใน 6 ภาคของ MASTER ROUTE ที่กำหนดให้ และอัปโหลดภาพมาที่ลิงก์ https://bit.ly/3SPHRUP หรือ www.isuzumasterofallroads.com ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2566 ผู้ที่พิชิตเส้นทางได้มากที่สุดและเร็วที่สุดจะได้รับรางวัล Poler Camping Set และรางวัลอื่น ๆ มูลค่ารวมกว่า 90,000 บาท · กิจกรรม “ISUZU MAGIC EYEs SNAP” เพียงแค่คุณถ่ายรูปกับ "New! ISUZU D-MAX Magic EYEs" คันที่ติดสติ๊กเกอร์ "MAGIC EYEs CHALLENGE by ISUZU" ภายในบูธ โพสต์ลง Social Media พร้อมติดแฮชแท็ก #isuzumagiceyessnap และตั้งค่าเป็นสาธารณะ รับทันที! ของที่ระลึกสุดชิคจากอีซูซุ (รับของที่ระลึกได้ที่โซน MASTER ROUTE CHECK-IN) สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมทดลองขับเพื่อสัมผัสสมรรถนะอันโดดเด่นของรถอีซูซุ สามารถลงชื่อได้ที่ บูธอีซูซุ ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” (Thailand International Motor Expo 2022) ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม นี้ ณ ฮอลล์ 1 อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai |
กระทรวงพลังงาน ผนึกกำลัง กฟผ. คิกออฟ “EV GO ทริปปิดดีล” ชวนลองขับรถอีวี 4 เส้นทาง
กระทรวงพลังงาน ผนึกกำลัง กฟผ. คิกออฟ “EV GO ทริปปิดดีล” ชวนลองขับรถอีวี 4 เส้นทาง มั่นใจสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมทั่วไทย กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ กฟผ. ชวนออกโรดทริปสร้างประสบการณ์ใหม่ ทดลองขับรถอีวี 4 เส้นทาง หัวหิน – สัตหีบ – เขื่อนศรีนครินทร์ – เขาใหญ่ ภายใต้กิจกรรม “EV GO ทริปปิดดีล” โชว์ศักยภาพรถ EV และสถานีชาร์จ EleX by EGAT ที่ครอบคลุม สานแนวคิด “ทราบแล้วเปลี่ยน” ให้ความมั่นใจ คนไทยหันมาใช้รถอีวี กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดแถลงข่าวกิจกรรม “EV GO ทริปปิดดีล” ภายใต้แคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ชวนคนไทยร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ กับโรดทริปขับขี่รถอีวีอย่างชาญฉลาดและปลอดภัย เสริมความมั่นใจในการเปลี่ยนมาใช้รถอีวี โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน และ นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. ณ ลานกิจกรรม ENGY Patio กฟผ.สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยมีค่ายรถร่วมงาน ได้แก่ Audi, BMW, GWM, Mercedes-Benz, MG, NETA, NISSAN และ VOLVO นายสมบูรณ์ หน่อ ![]() ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานสร้างความตระหนักรู้การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน กล่าวเสริมว่า กระทรวงพลังงานได้จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนรู้ถึงคุณค่าของพลังงานและชวนเปลี่ยนพฤติกรรมลดใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านแคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน”โดยเริ่มเปลี่ยนจากสิ่งใกล้ตัวจนเกิดเป็นพลังเล็ก ๆ เมื่อหลายคนปรับเปลี่ยนพร้อมกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งใหญ่มากขึ้น “ทราบแล้วเปลี่ยน” จึงได้ชวนภาคีเครือข่ายมาร่วมกันจัดกิจกรรมใหม่ ๆ โดยเริ่มจาก “EV GO ทริปปิดดีล” ที่ กฟผ. ชวนคนไทยให้มั่นใจเปลี่ยนมาใช้รถอีวี ในส่วนของ กฟผ. นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า “กฟผ. สนับสนุนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emissions) ในปี ค.ศ.2065 เราจึงดำเนินงานทุกมิติให้สอดรับและบรรลุเป้าหมาย ที่วางไว้ ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนและผลักดันให้ผู้ใช้ไฟฟ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ให้สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก การเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมัน กฟผ. จึงเร่งขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EleX by EGAT ให้ครอบคลุมเส้นทางหลักทุกภูมิภาค โดยปัจจุบันมีสถานีชาร์จไฟฟ้าของ กฟผ. และพันธมิตรบนเครือข่าย EleXA เปิดให้บริการแล้ว 80 แห่งทั่วประเทศ และกำลังเพิ่มจำนวนสถานีให้มีมากกว่า 100 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับเทรนด์อีวีที่คาดว่าจะคึกคักมากขึ้นอีกในปีหน้า โดยมีแอปพลิเคชัน EleXA ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถอีวี ตั้งแต่การค้นหาและใช้ระบบนำทางพาไปยังสถานีชาร์จ ตรวจสอบสถานะความพร้อมและจองใช้งานสถานี รวมถึงชำระเงินและอีกหลายฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การใช้รถอีวีเป็นเรื่องง่ายในชีวิตยุคใหม่ รวมทั้ง กฟผ. ได้ร่วมกับ Charging Operator อีก 4 Platform แสดงผลสถานะสถานีแบบ Real-Time ร่วมกัน และเพื่อตอกย้ำความมั่นใจนำไปสู่การปรับพฤติกรรมและกล้าเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์แห่งอนาคต กฟผ. จึงได้คิกออฟกิจกรรม “EV GO ทริปปิดดีล” ภายใต้แคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ของกระทรวงพลังงาน เพื่อชวนคนไทยที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์และคุ้นเคยกับไลฟ์สไตล์ใหม่เรียนรู้การออกแบบเส้นทาง ทดลองขับขี่รถอีวีอย่างชาญฉลาดและปลอดภัย รวมถึงได้ทดลองใช้ Mobile Application และสถานีชาร์จไฟฟ้าใน 4 เส้นทาง ได้แก่ หัวหินสัตหีบ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขาใหญ่ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมทริปจะได้ทำกิจกรรม CSR สุดกรีน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำไปกับโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมของ กฟผ. เตรียมล้อหมุนกันได้ในช่วงวันที่ 21 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2565 นี้” ผู้สนใจร่วมกิจกรรม “EV GO ทริปปิดดีล” ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook กฟผ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสมัครได้ที่ www.egatevgo.com ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 พ.ย.2565 รีบสมัครด่วน รับจำนวนจำกัด” Tags #EVGOทริปปิดดีล #กฝผ. #EGAT #EleXbyEGAT #EleXA #ทราบแล้วเปลึ่ยน #กระทรวงพลังงาน |
ประเทศไทยเปิดตัวโทรฟี่ “ThaiGP” พร้อมชวนแฟนความเร็วทั่วโลก ร่วมนับถอยหลังสู่สัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย
ประเทศไทยเปิดตัวโทรฟี่ “ThaiGP” พร้อมชวนแฟนความเร็วทั่วโลก ร่วมนับถอยหลังสู่สัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย “ก.ท่องเที่ยวและกีฬา”ร่วมกับ“การกีฬาแห่งประเทศไทย” หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน แถลงเปิดตัวถ้วยรางวัลโมโตจีพี รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” พร้อมชวนแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ร่วมนับถอยหลังอีก 22 วัน กับ สุดยอดอีเว้นท์กีฬาระดับพรีเมียมที่จะระเบิดศึกในวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ด้าน รมว.พิพัฒน์ เผยแนวคิดการออกแบบ ผสานความมหัศจรรย์ของปรากฎการณ์แสงอาทิตย์ลอดช่องประตูของปราสาทหินพนมรุ้ง สื่อสารอัตลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยตัวละครหนุมานและลายเส้นแทร็กของสนามช้างฯที่เป็นสนามแข่งขันเข้าด้วยกัน ภายในงานยังมีกิจกรรมในเทศกาลความเร็วสุดยิ่งใหญ่อีกมากมาย จัดเต็มทุกบูธ ทุกภาคส่วน รอต้อนรับผู้ชมและผู้ติดตามตลอด 3 วัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” (OR THAILAND GRAND PRIX 2022) ซึ่งจะชิงชัยที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่าง 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ท่ามกลางการรอคอยของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยและทั่วโลก กับการเป็นเจ้าภาพปีที่ 3 วันที่ 8 กันยายน 2565 ที่สโมสรราชพฤกษ์คลับ กรุงเทพ : นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุน ทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) กรมการขนส่งทางบก, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน), สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รวมทั้งสื่อมวลชนและผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทยและคนไทย ขอให้ความมั่นใจว่า ขณะนี้ประเทศไทยพร้อมเกิน 100% ที่จะจารึกหน้าประวัติศาสตร์การแข่งขันร่วมกันอีกครั้ง โดยทางกระทรวงฯมีกำหนดการในการนำคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจความพร้อมครั้งสุดท้าย ก่อนเริ่มงานวันที่ 28 กันยายน 2565 รวมทั้งนำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมหมู่บ้านนกกระเรียนพันธุ์ไทย ชุมชนบ้านสวายสอ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะเป็นอีกจุดเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ดึงดูดผู้ชมงานให้มาท่องเที่ยวท้องถิ่น โดยการใช้เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ OTOP ในการสร้างรายได้ให้กับชุมชน “สำหรับถ้วยรางวัลปีนี้ออกแบบสื่อถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แสงอาทิตย์ลอดช่อง 15 ประตู ของปราสาทหินพนมรุ้งที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ จ.บุรีรัมย์ และด้านบนของฐานคือลวดลาย บนแทร็กของ สนามช้างฯ ผสมผสานตัวละครหนุมานที่ใช้ในสื่อประชาสัมพันธ์ของ ThaiGP โดยหนุมานเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความรวดเร็ว ว่องไว เปรียบเสมือนการแข่งขันโมโตจีพีที่เป็นกีฬาแห่งความเร็วเช่นกัน” ทั้งนี้ ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิดพาวิลเลี่ยนภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Festival at ThaiGP ศูนย์รวมข่าวสารด้านการท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่สื่อสารไทย-อังกฤษคอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวตลอด 3 วันของการจัดงาน แบ่งเป็นโซนต่างๆอาทิ โซนเที่ยวไทย 5 ภาค, โซน Sport Event สนุกกับกิจกรรมกีฬาในรูปแบบเกม Interactive ที่ทันสมัย เช่น มาราธอน, ไตรกีฬา, จักรยานทางไกล ฯลฯ ด้านนายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ในฐานะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เป็นเจ้าบ้านในการจัดการแข่งขันโมโตจีพีเป็นปีที่ 3 ในครั้งนี้ จังหวัดยังคงรักษามาตรฐานให้งานที่กำลังจะมาถึงมีความสมบูรณ์แบบที่สุด มีการนำของดีบุรีรัมย์ เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้ายอัคนีผลิตภัณฑ์จากชุมชน อาหารของฝากขึ้นชื่อและงานฝีมือมากมาย เพื่อต้อนรับผู้มาเยือน นอกจากนี้ยังมีในการบริการด้านข้อมูลสำคัญต่างๆสำหรับผู้เข้าชมงานโมโตจีพี นอกจากจะมีอาสาสมัครและจิตอาสานับพันคนที่ดูแลด้านต่างๆ ในปีนี้ยังได้จัดเตรียม Line Official, Website 2 ภาษา ทั้งไทยและอังกฤษ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR Code เพื่อเข้าแพลตฟอร์มต่างๆ และเช็กข้อมูลที่จำเป็นได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีข้อมูลที่จำเป็นทุกอย่าง เช่น เส้นทางเข้าออกสนามแข่งขัน จุดบริการรถรับส่ง สถานที่จอดรถ ผังของงาน ข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความเชื่อมั่นและสร้างความประทับใจให้มากที่สุด “ในปีนี้เรายังมีไฮไลต์สำคัญคือโครงการนำร่องท่องเที่ยววิถีชุมชนหมู่บ้านนกกระเรียนพันธุ์ไทย ชุมชนบ้านสวายสอ จ.บุรีรัมย์ มีมัคคุเทศก์นำเที่ยวเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน พักโฮมสเตย์ ทำโฮมสปาภูมิปัญญาชาวบ้าน รับประทานอาหารจากเถียงนาเชฟเทเบิ้ล และช้อปปิ้งของพื้นถิ่นผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งสิ่งนี้เองที่ชาวบุรีรัมย์ทุกคนร่วมใจกันนำเสนอและหวังว่าจะเป็นต้นแบบ Buriram Model ในการให้ชุมชนอื่น หมู่บ้านอื่นของไทยได้นำไปเป็นต้นแบบให้เกิดการพัฒนา วิถีชุมชนที่ยั่งยืนต่อไป และเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือนได้อย่างแน่นอน” นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ในฐานะ Title Sponsor ผู้สนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่องมาตลอด กล่าวว่า ในปีนี้ OR จัดเตรียมกิจกรรมสุดพิเศษและสิทธิพิเศษมากมาย พร้อมต้อนรับแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยและต่างชาติตลอดระยะเวลา 3 วัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดบูธแสดงผลิตภัณฑ์ บูธจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ต่าง ๆ ในเครือ OR การจำหน่ายของที่ระลึกสุดพิเศษใน MotoGP Limited Edition บริเวณ OR Pavilion อีกทั้งกิจกรรมมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก Blue Card ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด ติดขอบสนาม โดยใช้เพียง 5 คะแนน แลกรับส่วนลด 25% สำหรับซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน OR THAILAND GRAND PRIX 2022 และที่พิเศษสุดสำหรับปีนี้ OR ได้เตรียมโซนพิเศษสำหรับแสดงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Bike) พร้อมพื้นที่ไว้สำหรับทดลองขับขี่ อีกด้วย นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง กล่าวว่า สำหรับการแข่งขัน Moto GP 2022 “เครื่องดื่มตราช้าง” ได้เตรียมกิจกรรมที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ไว้ตั้งแต่เข้าสนาม โดยจัดเตรียม Chang Shuttle Station รับ-ส่งแฟนๆ ฟรี นอกจากนี้ยังเตรียม Chang House เอาใจแฟนความเร็วให้สามารถชมถ่ายทอดสดบนจอ LED ขนาดใหญ่ และ Chang Music Connection วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พบกับ สล็อตแมชชีนและ โจอี้บอย ส่วนวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม หลังจากได้ชมศึกมวยไทย วิถีถิ่นไทยแล้ว ทาง“ช้าง”ยังมีคอนเสิร์ตให้แฟนๆได้ร่วมสนุกกับศิลปิน กระต่าย พรรณนิภา และปิดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคมด้วยคอนเสิร์ตโอ๊ต ปราโมทย์ แฟนความเร็วที่สนใจ ซื้อบัตรชมการแข่งขันได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือซื้อออนไลน์ได้ที่ www.allticket.com ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chang Circuit Buriram พิเศษสุดกับบัตรเข้าชมโซนกิจกรรม (Admission Ticket) ราคา 100 บาท/วัน หรือ 3 วันในราคา 200 บาท ผู้ถือบัตรนี้ไม่สามารถเข้าชมการแข่งขันในสนาม แต่เข้าร่วมกิจกรรมใน OR Thailand Granprix Expo บริเวณด้านหน้าสนาม ทั้งชม ช้อป ชิม ร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆในเทศกาลมอเตอร์สปอร์ตที่เกิดขึ้นโดยรอบ เช่น คอนเสิร์ต, มวย รวมทั้งกิจกรรม Meet & Greet นักบิดโมโตจีพีชื่อดังที่จัดโดยค่ายรถจักรยานยนต์และทีมแข่งยักษ์ใหญ่ได้อีกด้วย |
อีซูซุ เปิดตัวรถบรรทุกใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ เหนือกว่าทุกด้าน
อีซูซุ เปิดตัวรถบรรทุกใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ เหนือกว่าทุกด้าน ตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง อีซูซุเดินเกมรุก ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง “อีซูซุ คิงออฟทรัคส์” ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ TOUGH AS THE ROCK เสริมไลน์อัพให้แข็งแกร่งและสมบูรณ์ เหนือชั้นกว่าด้วยสมรรถนะและความสะดวกสบายในการขับขี่ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการบรรทุกหนักและธุรกิจขนส่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกใหม่! กระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่เต็มพิกัด ในแบบฉบับสุดยอดรถบรรทุกยุคใหม่ พร้อมสุดยอดเครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอลเรลทรงพลังที่ให้แรงบิดสูงถึง 1,324 นิวตัน-เมตร แบบ Flat Torque ให้กำลังต่อเนื่องที่รอบต่ำ ครบครันด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกที่มากกว่า ห้องโดยสารกว้างขวาง ขับสบายแม้เดินทางในระยะทางไกล ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกความสำเร็จให้เจ้าของธุรกิจได้อย่างแท้จริง กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “จากสภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2565 ในครึ่งปีแรกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรุ่นสิบล้อหัวลาก และสิบล้อลากพ่วง มีอัตราเติบโตสูงขึ้นถึง 8.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อีซูซุในฐานะเจ้าตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ของเมืองไทย จึงเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ TOUGH AS THE ROCK ส่ง 2 โมเดลใหม่ ได้แก่ ISUZU THE ROCK รุ่น GXZ ราคาเริ่มต้น 3,250,000 บาท และ ISUZU THE ROCK รุ่น FXZ ราคาเริ่มต้น 3,180,000 บาท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างผลกำไรสูงสุดแก่ธุรกิจ ชูจุดขายเหนือกว่าทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมลุยทุกเส้นทาง โดยการปรับโฉมใหม่ด้วยกระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่เต็มพิกัด ด้วยระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อีซูซุ รุ่น MEB9 และเฟืองท้ายขนาดใหญ่ ออกแบบให้รองรับแรงบิดได้สูง มุมปีนไต่ดีเข้าเกียร์ง่าย พร้อมระบบป้องกันการเข้าเกียร์ผิด และระบบรองรับหัวเก๋งแบบลอยตัว (Full Floating) ลดการสั่นสะเทือนให้ความนุ่มนวลเหนือกว่า และระบบยกหัวเก๋งแบบไฟฟ้า พร้อมระบบแจ้งเตือนการ ล็อกหัวเก๋งไม่สนิทเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น ช่วงล่างหลังแบบแหนบและแขนรับแรงบิดรูปตัว V (V-Type Torque Rod) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและการทรงตัวให้ดียิ่งขึ้น ปรับเพิ่มฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างคุ้มค่า ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ใหม่! ปลอดภัยเหนือชั้นด้วยระบบเบรกช่วย Engine Retarder อีซูซุเชื่อมั่นว่ารถบรรทุกรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ นี้จะเป็นขุนพลสำคัญช่วยสร้างรายได้และผลกำไรให้กับผู้ประกอบการได้อย่างสูงสุด” รถบรรทุกอีซูซุรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ สง่างามอย่างลงตัวด้วยดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่ แบบฉบับสุดยอดรถบรรทุกแห่งยุค · ใหม่! กระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่ เต็มพิกัด ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งานจริง เน้นความสะดวกสบาย กว้างขวาง นุ่มนวล พร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย · ใหม่! ระบบรองรับหัวเก๋งแบบลอยตัว (Full Floating) ลดการสั่นสะเทือนให้ความนุ่มนวลเหนือกว่า ด้วยโช้กอัพและคอยล์สปริงพร้อมเบาะนั่งแบบถุงลมสำหรับที่นั่งผู้ขับขี่ เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ขับสบาย พร้อมลุยทุกเส้นทาง และหัวเก๋งระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแจ้งเตือนการล็อกหัวเก๋งไม่สนิท เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น · ใหม่! ไฟในห้องโดยสารขนาดใหญ่ แบบ LED เพิ่มความสว่าง พร้อมความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร · ใหม่! USB CHARGER สะดวกสบายยิ่งกว่า รถบรรทุกอีซูซุรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ ตอบโจทย์เรื่องการบรรทุกและขนส่งด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่า ที่สุดแห่งเอกลักษณ์ของผู้นำ · เครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง 6NX1-TCS VGS Turbo จากอีซูซุ ให้กำลังสูงสุด 345 แรงม้า ที่ 2,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด แบบ Flat Torque 1,324 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำ 1,300 – 1,700 รอบ/นาที ให้กำลังต่อเนื่อง พร้อมลุยงานสมบุกสมบัน และการประหยัดน้ำมัน · ระบบเบรกแบบลมล้วน Full Air Brake มั่นใจปลอดภัยสุด · ใหม่! ระบบเบรกช่วย ISUZU ENGINE RETARDER ช่วยลดความเร็วของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ขณะลงทางลาดชัน หรือฝนตก ถนนลื่น · ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อีซูซุ รุ่น MEB9 และเฟืองท้ายขนาดใหญ่ แบบ 9 เกียร์เดินหน้าพร้อมโอเวอร์ไดร์ฟ ออกแบบให้รองรับแรงบิดได้สูง มุมปีนไต่ดีเข้าเกียร์ง่าย พร้อมระบบป้องกันการเปลี่ยนเกียร์ผิด เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม · เฟืองท้ายขนาดใหญ่ พร้อมอัตราทดสูง ให้มุมปีนไต่สูงถึง 33 องศา ใน ISUZU THE ROCK รุ่น FXZ และ 15.2 องศา ใน ISUZU THE ROCK รุ่น GXZ · ช่วงล่างแบบแหนบและแขนรับแรงบิดรูปตัว V (V-Type Torque Rod) ลดการสั่นสะเทือน ช่วยให้เกาะถนน และทรงตัวได้ดี · เพลาหามแหนบขนาดใหญ่ แข็งแกร่งทนทาน พร้อมลุยงานหนัก แบบ maintenance free ไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังเพิ่มฟังก์ชั่น เพื่อเติมเต็มทุกอรรถประโยชน์ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วย · กระจกไฟฟ้าและเซ็นทรัลล็อก เพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในการใช้งาน · กระทะล้อขนาด 8.25 ขอบ 22.5 นอตล้อ 10 ตัว พร้อมยางเรเดียล แบบไม่มียางในขนาด 295/80R22.5-18PR ในรุ่น ISUZU FXZ THE ROCK · กระทะล้อขนาด 7.5 ขอบ 22.5 นอตล้อ 10 ตัว พร้อมยางเรเดียล แบบไม่มียางใน ขนาด 11R22.5-16PR ในรุ่น ISUZU GXZ THE ROCK รถบรรทุกอีซูซุ ใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ พร้อมจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com และ Facebook: ISUZU TRUCKS THAILAND OFFICIAL --------------------------------------------------------- |
Big Motor Sale 2022 สุขเต็มพิกัด พร้อมพลัสจัดให้ รวมพลังค่ายรถจัดใหญ่พลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจไทย
เริ่มแล้ว Big Motor Sale 2022 สุขเต็มพิกัด พร้อมพลัสจัดให้ รวมพลังค่ายรถจัดใหญ่พลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจไทย อยากได้รถ จบในวันเดียว พร้อมรับโปรคุ้มค่าจุใจ 19-28 สิงหาคมนี้ ณ ไบเทค บางนา เปิดฉากแล้วอย่างยิ่งใหญ่ “Big Motor Sale 2022 มหกรรมเปิดโลกยานยนต์” โดย บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ชูแนวคิดภายใต้นิยาม “พร้อมพลัส” จัดเต็มความร่วมมือระหว่าง ผู้จัด ผู้ประกอบการ และผู้ทำงานด้านต่าง ๆ ในการสร้างพื้นที่แห่งความสุขของผู้ซื้อและผู้ขาย “อยากได้รถ จบในวันเดียว” จัดพาเหรดกองทัพรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง พร้อมข้อเสนอพิเศษให้เลือกซื้อหาในราคาที่คุ้มค่าเงินสูงสุด เพื่อสนับสนุนการต่อยอดพลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจไทย ระหว่างวันที่ 19-28 สิงหาคม 2565 ณ ฮอลล์ 101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป และ ประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2022 หรือ Big Motor Sale 2022 เผยว่า “เรายังคงยืนหยัดเจตนารมณ์ดั้งเดิมของการจัดงาน Big Motor Sale คือ การสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจยานยนต์ สร้างความคึกคักในตลาดรถให้มีความต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเปลี่ยนช่วงฤดูฝนที่เคยเป็นโลว์ซีซั่นของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นฤดูขายเพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้นเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในเกณฑ์ที่ภาครัฐสามารถควบคุมได้ ประกอบกับปัจจัยบวกต่าง ๆ อาทิ มาตรการเปิดประเทศ และการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมา จึงเป็นจังหวะเวลาที่ดีในการเร่งฟื้นตัวในทุกภาคส่วน โดย “Big Motor Sale 2022” ปีนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้นิยาม “พร้อมพลัส” หมายถึงความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ระหว่างผู้จัด ผู้ประกอบการ และผู้ทำงานด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความสุขให้กับผู้เข้าชมงานทุกคน ทั้งจากบรรยากาศซื้อ-ขายที่สมบูรณ์ครบในทุกด้าน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพจากผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ รถอเนกประสงค์ ยานยนต์ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ รถยนต์มือสองพรีเมี่ยม และอุปกรณ์ตกแต่งพรีเมี่ยม พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ดึงดูดใจจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน โดยมีไฮไลท์ที่น่าจับตามองภายในงาน คือ รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่นปรับโฉมใหม่ และรุ่นตกแต่งพิเศษที่ตบเท้าเข้ารุกตลาดในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งมีทั้งรถน้ำมัน รถระบบไฮบริด และรถระบบไฟฟ้า สื่อให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไทยที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง อาทิ · รถใหม่ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Big Motor Sale 2022 รวม 2 รุ่น ได้แก่ All New HONDA BR-V, All New SUBARU WRX EyeSight · กลุ่มรถอเนกประสงค์ใหม่ ได้แก่ All New MG VS HEV, New MAZDA CX-8, New NISSAN Kicks e-POWER สำหรับรุ่นปรับโฉมใหม่มี TOYOTA Fortuner GR Sport, TOYOTA Fortuner LEADER, TOYOTA Fortuner LEGENDER ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี และ SUZUKI XL7 รุ่นปี 2022 เป็นต้น · กลุ่มรถยนต์ใหม่ ได้แก่ All New TOYOTA Yaris ATIV ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย, Honda Civic e:HEV, New MERCEDES-BENZ C-Class รุ่นประกอบในไทย, PEUGEOT 2008 Sport Edition, NETA V และ VOLT City EV เป็นต้น · กลุ่มปิคอัพมีรุ่นปรับโฉมใหม่ ได้แก่ TOYOTA Hilux REVO 60th Anniversary, NISSAN Navara ใหม่ รุ่นปี 2022 และ NISSAN Navara Black Edition เป็นต้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้ซื้อได้พิจารณาเปรียบเทียบ เลือกหา และทดลองขับจนได้ “ตัวเลือก” ที่พึงพอใจ คุ้มค่าคุ้มราคา และมีความสุขในการใช้งานได้ครบครันภายในงานเดียว เพราะการฟื้นตัวของภาคครัวเรือนเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการสนับสนุนจากผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ให้บริการด้านยานยนต์ที่มอบความเชื่อมั่นเข้าร่วมงานเต็มพื้นที่ฮอลล์ 101-104 ทำให้มั่นใจว่า Big Motor Sale 2022 จะเป็นงานที่ดีและมีผู้ชม-ผู้ซื้อรถใหม่กันเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ในงาน Big Motor Sale 2022 มีผู้ประกอบการด้านยานยนต์ที่เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้ · แบรนด์รถยนต์ ได้แก่ BMW, HONDA, JEEP, KIA, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, NETA, NISSAN, PEUGEOT, SUBARU, SUZUKI, TOYOTA, VOLT และ VOLVO · แบรนด์มอเตอร์ไซค์ ได้แก่ BMW, HARLEY-DAVIDSON, HONDA และ YAMAHA · บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองพรีเมี่ยมและอุปกรณ์ตกแต่งพรีเมี่ยม ตลอดจนยานยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ · กิจกรรมทดลองขับขี่รถยนต์รุ่นที่ชื่นชอบได้ก่อนการตัดสินใจ · นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมน่าสนใจต่าง ๆ มากมายทุกวัน พิเศษ โชว์สกิลการขับขี่รถโดย “รัสส สวิฟ” (Mr. Paul Russell Swift) นักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษจากทีม SUBARU เจ้าของสถิติ Guinness World Records ร่วมโชว์พิเศษสุดเร้าใจ ในรอบเวลา 15.00 น. / 17.00 น. / 19.00 น. ของวันศุกร์ที่ 19 – วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม บริเวณลานทิศตะวันตกด้านหน้าของไบเทค งาน Big Motor Sale 2022 ยังคงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักสาธารณสุขพื้นฐานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แก่ สวมหน้ากาก-รักษาระยะห่าง-หมั่นล้างมือ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้เข้าชมตลอด 10 วันแสดงงาน โดยเปิดให้เข้าชมงานตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 – วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2565 (วันธรรมดา 12.00 น. – 21.00 น./วันเสาร์-อาทิตย์ 11.00 น. – 21.00 น.) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางนา ใช้ทางออกประตู 1 เพื่อเดินเชื่อมต่อกับ Skywalk มายังฮอลล์ 101-104 บัตรเข้าชมงานราคา 100 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/bigmotorsale.yanyont |
“Big Motor Sale 2022” พร้อมพลัสจัดเต็ม จับมือค่ายรถยนต์ชั้นนำ ร่วมเปิดตัวเปิดจำหน่ายรถใหม่
“Big Motor Sale 2022” พร้อมพลัสจัดเต็ม จับมือค่ายรถยนต์ชั้นนำ ร่วมเปิดตัวเปิดจำหน่ายรถใหม่ ให้โปรโมชั่นเด็ดสุดคุ้ม 19-28 สิงหาคมนี้ ที่ ไบเทค บางนา บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ผู้จัดงาน “Big Motor Sale 2022” มหกรรมเปิดโลกยานยนต์ เดินหน้าสานต่อพันธกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ประกาศพร้อมพลัสจับมือผู้ประกอบการค่ายรถคุณภาพ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์มาตรฐานเยี่ยม สร้างโอกาสผู้ซื้อพบผู้ขายแบบสุดคุ้ม เพื่อสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้เลือกซื้อยานยนต์ที่ถูกใจและคุ้มค่าในราคาจับต้องได้ ระหว่างวันที่ 19-28 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ทั้งนี้ในงาน “Big Motor Sale 2022” มหกรรมเปิดโลกยานยนต์ ได้รับการตอบรับอันดีจากผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ รถอเนกประสงค์ ยานยนต์ไฟฟ้า และ มอเตอร์ไซค์ ได้แก่ BMW, HONDA, JEEP, KIA, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, NETA, NISSAN, PEUGEOT, SUBARU, SUZUKI, TOYOTA, VOLT, VOLVO, BMW Motorrad, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, YAMAHA รวมทั้งยังมีบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองพรีเมี่ยมและอุปกรณ์ตกแต่งพรีเมี่ยมต่างๆ อาทิ B-AUTO HAUS ตลอดจนยานยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ร่วมออกบู๊ธแสดงสินค้าคับคั่งเหมือนเช่นทุกปี รวมทั้งมีไฮไลท์พิเศษเป็นการเปิดตัวของ HONDA BR-V ตัวล่าสุดในงาน Big Motor Sale 2022 ซึ่งทั้งหมดที่เข้าร่วมงานต่างก็เตรียมรถและผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดมาเปิดจำหน่ายกันอย่างคึกคักพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานสามารถทดลองขับขี่รถยนต์รุ่นที่ชื่นชอบได้ก่อนการตัดสินใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมน่าสนใจต่างๆ มากมาย อาทิ โชว์สกิลการขับขี่รถโดย “รัสส สวิฟ” (Mr. Paul Russell Swift) นักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษจากทีม SUBARU เจ้าของสถิติ Guinness World Records ร่วมโชว์พิเศษสุดเร้าใจ ในวันศุกร์ที่ 19 – วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคมบริเวณลานทิศตะวันตกด้านหน้าของไบเทค โดยผู้จัดงานคาดหวังให้การจัดงานปีนี้เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยจากระดับฐานราก ที่ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ผู้ประกอบการ และธุรกิจร้านค้าโดยรอบพื้นที่ เพื่อคลายความตึงเครียดหลังจากได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในหลายปีที่ผ่านมา โดยยังรณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานและผู้ชมงานทุกท่าน ปฏิบัติตามหลักสาธารณสุขพื้นฐาน “สวมหน้ากาก - รักษาระยะห่าง - หมั่นล้างมือ” เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมงานทุกท่าน เรียนเชิญผู้สนใจร่วมชมงาน “Big Motor Sale 2022” มหกรรมเปิดโลกยานยนต์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-28 สิงหาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางนา ใช้ทางออกประตู 1 เพื่อเดินเชื่อมต่อกับ Skywalk มายังฮอลล์101-104 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : bigmotorsale.yanyont |
ตรีเพชรอีซูซุเซลส์รับมอบรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ1 "No.1 Brand Thailand 2021-2022”
ตรีเพชรอีซูซุเซลส์รับมอบรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ1 "No.1 Brand Thailand 2021-2022” กลุ่มตรีเพชร โดยคุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จํากัด รับมอบรางวัลเกียรติยศแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 หมวดรถปิกอัพ "No.1 Brand Thailand 2021-2022" ซึ่งเป็นผลจากการสํารวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วประเทศโดยนิตยสาร Marketeer ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ |
มาสด้าเปิดตัว NEW MAZDA CX-8 ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ดีไซน์ใหม่สุดหรู เทคโนโลยีใหม่เต็มคัน
มาสด้าเปิดตัว NEW MAZDA CX-8 ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ดีไซน์ใหม่สุดหรู เทคโนโลยีใหม่เต็มคัน ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัว ü ครั้งแรกกับระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ที่ได้รับการพัฒนาและติดตั้งในรถมาสด้า CX-8 ใหม่เป็นรุ่นแรก และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ล้ำสมัย i-Activsense รอบคัน ü สะท้อนภาพลักษณ์ความหรูหราสง่างามยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่สี Gun Metallic และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว ü มาพร้อมทางเลือกใหม่ กับ 2 สีภายนอก เอกลักษณ์ของมาสด้า สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ ü มอบความสะดวกสบายและล้ำไปอีกขั้น ด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และรองรับ Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM ü เพิ่มสัมผัสความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถอย่างสมบูรณ์ ด้วยระบบ GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย ü เสริมภาพลักษณ์ความโดดเด่นไปอีกขั้น ด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ü เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ü ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ครอบครัวกับครั้งแรกของ 3 ทางเลือกของห้องโดยสาร ให้พื้นที่กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ü พร้อมข้อเสนอ ฟรีค่าแรง ค่าไหล่ สำหรับเช็กระยะ หรือ Mazda Care 5 ปี3 กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2565 – ตลาดรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมกำลังจะร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อมาสด้าเดินหน้าบุกตลาดรถครอบครัวขนาดใหญ่ เปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-8 รถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์สุดหรูแบบ 3 แถว มาพร้อมแนวคิด “THE PRECIOUS MOMENTS TOGETHER” ให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่าร่วมกัน ปรับโฉมใหม่ให้หรูหรามากยิ่งขึ้น ใส่อุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจนล้นคัน ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น ขยับราคาเพิ่มขึ้นแค่ 2 หมื่นบาท เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าไปอีกระดับกับการดูแลแบบไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด 5 ปี พร้อมก้าวสู่ผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ ครั้งแรกที่มาสด้าจัดเต็ม นำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นและนำมาติดตั้งใน CX-8 เป็นรุ่นแรก ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ ยกระดับความหรูหราด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว เพิ่มอุปกรณ์ความสะดวกสบายเต็มคัน ครั้งแรกกับระบบ MRCC แบบ Stop & Go อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี เบาะนั่งแถวที่สอง แบบ Captain seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat)) พร้อมคอนโซลกลาง ใส่เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ครั้งแรกกับสีภายนอกใหม่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลี เมทัล เกรย์ มีให้เลือกถึง 5 รุ่นย่อย ด้วยราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดคุ้มในช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ยต่ำสุด 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance2 และฟรีค่าแรง ค่าไหล่ สำหรับเช็กระยะ หรือ Mazda Care 5 ปี3 เปิดให้ทดลองขับและเป็นเจ้าของแล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ MAZDA CX-8 เป็นหนึ่งในรถรุ่นเรือธงของมาสด้า โดยเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถที่ให้ความสะดวกสบาย โดยถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ที่ดีที่สุดในตลาด ที่สำคัญคือพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์นั่ง ต่อมาในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาได้ทำการปรับปรุงเพิ่มเติม ด้วยการเสริมเทคโนโลยีด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ครบครันยิ่งขึ้น และเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 ที่นั่ง Exclusive เบาะนั่งแบบ Captain seat ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้มาสด้า CX-8 ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี แต่รถรุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว จนถึงปัจจุบันอยู่ในการครอบครองของลูกค้าชาวไทยแล้วมากกว่า 4,349 คัน “การเปิดตัวในวันนี้ นับเป็นรุ่นที่ 3 เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรถในตระกูล CX-Series ทำให้รถรุ่นนี้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครอบครัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนมากขึ้นกว่าเดิมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น จากการยกระดับเอกลักษณ์ความสง่างามตามแนวทางการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่ถ่ายทอดความงามที่อยู่เหนือกาลเวลา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม บ่งบอกสไตล์พรีเมี่ยม และรสนิยมเหนือระดับ ผสานกับเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ถูกยกระดับมาอย่างเต็มเปี่ยมครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น คาดว่ารถรุ่นนี้จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น และสามารถเติมเต็มความสุขให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้ในทุกการเดินทาง” มร. ทาดาชิ มิอุระ กล่าวเสริม นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “NEW MAZDA CX-8 มาพร้อมแนวคิด “THE PRECIOUS MOMENTS TOGETHER” ให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่าร่วมกัน โดยเป็นรถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat) และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง (6-Seat) ที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความภูมิฐานและความสมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกทุกคนในครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง โดยกลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้ ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ ที่มองหาความสะดวกสบาย การเข้า-ออก หรือขึ้น-ลง สะดวกง่ายดาย ตอบโจทย์การใช้งานของคนในทุกช่วงวัย มีพื้นที่กว้างขวางและมีความอเนกประสงค์ตามแบบฉบับรถเอสยูวีที่เกินกว่ารถยนต์นั่งจะให้ได้ การเปิดตัวครั้งนี้ คือการยกระดับรถครอบครัวแบบที่นั่ง 3 แถว ของ NEW MAZDA CX-8 ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ยกระดับดีไซน์ภายนอกให้สอดคล้องกับรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ตามแบบฉบับของมาสด้า และเป็นครั้งแรกที่เพิ่มสีภายนอกเทรนด์ใหม่ กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ บ่งบอกถึงความพรีเมี่ยม เหนือระดับ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้กับทุกการเดินทางด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า สะท้อนภาพลักษณ์ที่หรูหราพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งเพิ่มความโดดเด่นด้วยวัสดุคุณภาพสูงแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยวัสดุ Warm Silver ที่มาพร้อมเบาะหนังสีดำ หรือวัสดุ Metal Wood ที่มาพร้อมเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red สะท้อนความหรูหราเหนือระดับยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่งดงาม NEW MAZDA CX-8 คือรถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งอย่างแท้จริง การขับขี่นุ่มนวล มอบความสบายให้ผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง ห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat) และแบบ 6 ที่นั่ง (6-Seat) แบบใหม่ โดยได้รับการยกระดับให้ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัว และเพิ่มพื้นที่ให้กับทุกคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น โดยในรุ่น 6 ที่นั่ง (6-Seat) มาพร้อมกับ 2 ทางเลือก ได้แก่ ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat แยกอิสระซ้าย ขวา (Captain seats with center walk-through (6-Seat) ที่สามารถเดินเชื่อมได้ถึงเบาะนั่งแถวที่สาม และห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat) พร้อมคอนโซลกลาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของแต่ละครอบครัวได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังกว้างขวางนั่งสบายในทุกตำแหน่ง และมาพร้อมระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า ที่ช่วยระบายอากาศและความชื้น ทำให้เพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง NEW MAZDA CX-8 ได้ถูกยกระดับความสะดวกสบาย เพื่อเติมความสุขให้กับผู้โดยสารทุกคนตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ สามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือ รับ-ส่ง ข้อความ จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth และเพลิดเพลินไปกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลด้วย Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ที่จัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และ USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สามได้ถูกเพิ่มเข้ามาในรถรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน จึงทำให้รถรุ่นนี้ ไม่เพียงแค่เป็นรถที่มอบความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นรถที่ทันสมัยไปอีกขั้น สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว NEW MAZDA CX-8 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร (Skyactiv-D 2.2) พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้พละกำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 17.5 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road (Off-Road Traction Assist) เพิ่มเติมในรุ่นที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD เพิ่มความมั่นใจให้ทุกคน ออกไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในทุกเส้นทาง และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5) ให้พละกำลังถึง 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 13.2 กม./ลิตร* และในทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเพิ่มความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสารด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง *ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN101 Combine Mode นอกจากนี้ NEW MAZDA CX-8 ยังอัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ล้ำสมัย i-Activsense รอบคัน ให้ความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถอเนกประสงค์ในระดับเดียวกัน ด้วยการติดตั้งระบบ Advanced SCBS ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance ช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า และระบบ SCBS-R ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนขณะถอยหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อีกทั้งยังมีระบบ MRCC แบบ Stop & Go ที่ได้รับการพัฒนาและติดตั้งใน NEW MAZDA CX-8 เป็นรุ่นแรกของรถมาสด้าที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง นอกจากนี้ยังเพิ่มอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและช่วยลดอาการเหนื่อยล้าจากการขับขี่หลากหลายระบบ เพื่อมอบความสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง ระบบความปลอดภัย i-Activsense ที่มาพร้อม NEW MAZDA CX-8 ประกอบด้วย ü ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) ü ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) ü ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane-keep assist System) ü ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert) ü ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Control) ü ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) ü ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System) ü ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED Headlamps) ü ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart City Brake Support-Reverse) ü ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ü ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go) นอกจากนี้ NEW MAZDA CX-8 ยังเพิ่มความอุ่นใจให้ผู้โดยสารตลอดเส้นทางในทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) อาทิ ระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View ผ่านหน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว รวมถึงระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุดและด้านหลัง 4 จุด ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น และแบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Passive Safety) อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 ตำแหน่ง |
อีซูซุปลื้ม “ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง”
อีซูซุปลื้ม “ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” กระแสตอบรับดี พร้อมเปิดเบื้องหลังให้ดูกันจุใจ อีซูซุสุดปังกับภาพยนตร์สั้น “ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” 3 ตอนพิเศษที่สร้างกระแสตอบรับเป็นอย่างดีบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ และสร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้ผู้ชมภาพยนตร์สั้นทั้ง 3 ตอน กว่า 10 ล้านวิว ตลอด 1 เดือน ที่ผ่านมา พร้อมเรียกกระแสอย่างต่อเนื่องด้วยการเผยภาพเบื้องหลังการถ่ายทำทั้ง 3 เส้นทางในรูปแบบคลิปภาพยนตร์สั้นให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม และอีกหนึ่งความพิเศษสุดกับการรับชมภาพเบื้องหลังในรูปแบบ ASMR : SOUND OF ALL ROADS ความมหัศจรรย์ของเสียงที่จะเพิ่มอรรถรสในการรับชม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม เป็นต้นไป งานนี้ขอเชิญชวนแฟนคลับรับชมเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนกันแบบสด ๆ ของ 2 หนุ่ม คุณนิว-ชัยพล และคุณโต้ง-บรรจง ใน Live Watch Party ทาง Facebook : All-New Isuzu D-Max ในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคมศกนี้ เวลา 19.00 น. อีกด้วย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “โปรเจ็กต์พิเศษ “ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถปิกอัพออฟโรดระดับพรีเมี่ยมซึ่งจัดทำภาพยนตร์สั้น 3 ตอนพิเศษ, MASTER OF ALL ROADS : BEHIND THE SCENE และ ASMR : SOUND OF ALL ROADS โดยเริ่มจากการเล่าเรื่องผ่านภาพยนตร์สั้น 3 ตอนพิเศษที่สะท้อนสมรรถนะรถ ISUZU V-Cross 4x4 รถธงของอีซูซุที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะใช้งานในแบบออนโรด หรือตะลุยในแบบออฟโรด โดยถ่ายทอดเป็นเรื่องราวการเดินทางค้นพบความท้าทายเพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ของ 3 เพื่อนร่วมทาง ได้แก่ ISUZU V-Cross 4x4, คุณนิว-ชัยพล จูเลียน พูพาร์ต นักแสดงยอดนิยมและนักเดินทางตัวจริง และ คุณโต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับมือรางวัลระดับประเทศ สู่ 3 โลเคชั่นอันซีนของไทย โดยใน Episode แรกเป็นการพิชิตอุปสรรคเส้นทางโหดแห่งสายน้ำและหุบเขาที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนใน Episode 2 เป็นการท่องเที่ยวสไตล์ออฟโรด ตาดูดาว เท้าย่ำทรายที่หาดพลกายและหาดชมดาว จังหวัดอุบลราชธานี และ Episode 3 ร่วมสัมผัสอันซีนเมืองไทย ลุยเกาะเดียวเหมือนเที่ยว 3 ประเทศที่เกาะพระทอง จังหวัดพังงา และเพื่อสร้างกระแสให้โปรเจ็กต์นี้อย่างต่อเนื่องจึงส่งคอนเทนต์ MASTER OF ALL ROADS : BEHIND THE SCENE และ ASMR : SOUND OF ALL ROADS มาให้ติดตามชมกัน” ด้วยโจทย์ที่กำหนดไว้กับจุดหมายปลายทางซึ่งต่างเป็นโลเคชั่นที่ยังคงความสมบูรณ์แบบทางธรรมชาติ การถ่ายทำภาพยนตร์สั้นชุดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของทีมงาน โดย คุณโต้ง-บรรจง เผยถึงเบื้องหลังการถ่ายทำว่า “หนังโฆษณารถมีความแตกต่างและท้าทายตั้งแต่ได้รับโจทย์แล้วว่าจะทำยังไงให้สะท้อนสมรรถนะรถออกมาได้ชัดเจน สนุก และสวยงาม เราทำการบ้านกันหนักมากเพื่อให้ชิ้นงานออกมาสมบูรณ์แบบ ทั้งคิดพล็อต หาโลเคชั่น และวางแผนการทำงาน แต่ก็ยังมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ระหว่างถ่ายทำเกิดขึ้นเยอะ ทั้งเรื่องของฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจและเส้นทางที่อยู่เหนือการควบคุม อย่างเหตุการณ์ที่อำเภอปาย ฝนตกหนัก น้ำท่วม คุณนิวและ ISUZU V-Cross 4x4 ของเค้ากลับพาพวกเราและสัมภาระข้ามผ่านเส้นทางสุดโหดไปได้อย่างปลอดภัย ช่วยให้การถ่ายทำเดินหน้าต่อไปได้อย่างน่าทึ่ง” ซึ่งคุณนิว-ชัยพล กล่าวเสริมว่า “การเดินทางกับอีซูซุ วีครอส 4x4 เพื่อนคู่ใจคนสำคัญคันนี้ นับเป็นการเดินทางที่สุดแสนพิเศษ ผมประทับใจกับการลองขับในหลาย ๆ ซีนที่เห็นในภาพยนตร์ ทั้งการดริฟท์รถบนพื้นทราย การขับรถปีนหินบนเนินสูงที่หาดชมดาวเพื่อการชมดาวที่แหวกแนวสุด ๆ ของผม หรือการขับรถตะลุยริมหาดที่ต้องใช้ทั้งสมรรถนะคนและสมรรถนะรถไปพร้อม ๆ กัน นับเป็นการทดสอบความเป็น MASTER OF ALL ROADS ที่แท้จริง คงไม่ง่ายนะครับ ถ้าไม่ใช่ตัวจริง” นอกจากภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจแล้ว อีซูซุยังได้รับเกียรติจากคุณโต้-วิรุนันท์ ชิตเดชะ ช่างภาพเจ้าของรางวัลคานส์ไลอ้อน ประเทศฝรั่งเศส ร่วมบันทึกภาพถ่ายทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังตลอดการถ่ายทำอีกด้วย โดยคุณโต้-วิรุนันท์ เผยว่า “ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์โฆษณาอีซูซุชุดนี้ ได้มีโอกาสเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในทุกสถานการณ์ตลอดช่วงเวลา 12 วัน ได้ซึมซับความรู้สึกของความท้าทายเหล่านั้น ทุกภาพที่ออกมาจึงสะท้อนโมเม้นต์ต่าง ๆ ได้ดีอย่างที่เห็นนี่แหละครับ” ทุกคำพูดคงไม่สนุกเท่าเห็นภาพ อีซูซุจึงได้รวบรวมเบื้องหลังการถ่ายทำ “ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” จัดทำเป็นคอนเทนต์ต่าง ๆ เพื่อยืนยันความเป็นตัวจริง ดังนี้ Ø MASTER OF ALL ROADS : BEHIND THE SCENE ความยาว 20 นาที ภาพยนตร์ที่จะเผยภาพเบื้องหลังการถ่ายทำตลอด 12 วันที่เหมือนการแอบถ่าย แต่กลับได้ภาพสวยงามไม่แพ้ภาพเบื้องหน้า โดยรวบรวมภาพการตะลุยทุกสภาพเส้นทางโหดด้วยสมรรถนะความแข็งแกร่งดุดันของ ISUZU V-CROSS 4x4 ที่เกิดขึ้นจริง พร้อมด้วยอิริยาบถแบบมันส์ปนฮาของหนุ่มนิว ชัยพล และคุณโต้ง บรรจง ผู้กำกับที่ต้องรับบทนักแสดงในเรื่องนี้อีกด้วย รับชมพร้อมกันในวันศุกร์ที่ 22 เมษายน ศกนี้ ได้ที่ : https://youtu.be/QA1Zn4_-3y0 Ø ASMR : SOUND OF ALL ROADS คลิปภาพเคลื่อนไหวผสานซาวด์ดีไซน์ไปกับ ISUZU V-CROSS 4x4 อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่จะกระตุ้นประสาทสัมผัสให้เกิดความรู้สึก ติดตามความสุขและสนุกไปกับอีกหนึ่งอรรถรสนี้ได้ ในวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม เป็นต้นไป Ø ห้ามพลาด! กับ Live Watch Party การไลฟ์สดระหว่าง คุณนิว-ชัยพล และคุณโต้ง-บรรจง ที่จะมาบอกเล่าเบื้องลึกทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนของภาพยนตร์ “ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” ให้ฟังอย่างจุใจ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้แชทพูดคุยกับสองหนุ่มได้ทาง Facebook : All-New Isuzu D-Max ในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม ศกนี้ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรับชมภาพทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของ ISUZU V-CROSS 4x4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง ที่ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ได้แก่ YouTube : Isuzu Thailand Official Facebook : All-New Isuzu D-Max Website : www.isuzumasterofallroads.com LINE : Isuzu Thailand |
1-10 of 151